หนอเป็นเด็กที่โตมาแบบกลัวการขาดเรียน
แม่มักจะขู่ว่าเดี๋ยวเรียนไม่ทันเพื่อน
เดี๋ยวทำงานส่งไม่ทันเพื่อน
หนอไม่ค่อยทำกิจกรรมโรงเรียนเท่าไร
แม่พยายามให้ทำกิจกรรมบ้าง
ซึ่งเหมือนจะเป็นความพยายามแบบขอไปที
จะเป็นเพราะคู่มือเลี้ยงลูกหรือกระแสสังคมอะไรก็แล้วแต่
ที่บอกว่าเด็กควรมีกิจกรรมพิเศษนอกเหนือจากการเรียน
แต่สุดท้ายแล้วหนอก็ไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรมาตลอดชั้นประถม
หนอไม่ได้รู้สึกว่าชีวิตขาดอะไรไป
หนอทำสิ่งที่ควรทำ... เรียน
หนอย้ายมาเรียนมัธยมที่โรงเรียนใหม่
มีเพื่อนกลุ่มใหม่
การเรียนยังเป็นเป้าหมายหลักสำหรับหนอและที่บ้าน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะนักเรียนห้อง
King แล้ว
หนอรู้สึกว่าผลการเรียนของหนอเป็นที่คาดหวังของครูด้วย
ครูส่วนใหญ่ใช้บรรทัดฐานอีกระดับสำหรับห้องเรา
บรรทัดฐานที่ไม่ใช้กับนักเรียนห้องอื่น
ถามว่า
Fair ไหม? หนอไม่อยากตอบ
หนอมีหน้าที่แค่ไปเรียน
ทำสิ่งที่โรงเรียนบอกว่าควรทำ
หนอไม่ได้รู้สึกว่าชีวิตขาดอะไรไป
หนอทำสิ่งที่ควรทำ... เรียน
วันหนึ่งเพื่อนสนิทในห้องมาชวนหนอไปเข้าค่าย
หนอไม่ใช่เด็กแนวนี้นะ
หนอไม่ใช่
“เด็กค่าย”
ไม่ใช่...
ทั้งในตอนนั้น ตอนเรียนจุฬาฯ และตอนนี้
หนอไม่ได้หลงใหลการเดินทางขนาดนั้น
หนอไม่ใช่คน
“ลุยๆ”
หนอแค่
“พออยู่ได้”
ก็เท่านั้น
ความสุขของหนอไม่ใช่
“ค่าย”
หนอไม่ต้องการพบ
“เพื่อนใหม่”
เหนืออื่นใด
หนอไม่ต้องการ “ขาดเรียน”
หนอไปเข้าค่ายผู้บำเพ็ญประโยชน์นั้นจนได้
เป็นค่ายอาสาสมัคร
รับจำนวนไม่กี่คน
เดินทางในนามโรงเรียน
ลาเรียนได้เกือบทั้งสัปดาห์
หลายคนดูตื่นเต้นที่ได้หยุดเรียน
ไม่นะ...
ทำไมถึงเรียกว่าหยุดเรียนล่ะ
ก็ในเมื่อเราต้องกลับมาตามงานทีหลัง
เราได้รับการ
“ยกเว้นเวลาเรียน”
แต่ไม่ได้รับการ
“ยกเว้นการบ้าน”
แต่สุดท้ายแล้วหนอก็ไป
ครั้งแรกเราไปสุรินทร์กัน
“ครั้งแรก” ใช่... หนอเขียนว่า “ครั้งแรก”
เพราะมันมี
“ครั้งที่สอง”
ปีถัดมาเราไปเขาชนไก่กัน
ใช่...
“เขาชนไก่”
น้ำที่อาบนั้นสีเหลืองๆ
แต่น้ำดูจะสะอาดกว่าตัวเรา
ทำอย่างไรได้
ก็อาบไปสิ
หนอเข้านอนโดยไม่มีหมอนหนุน
เพิ่งรู้ว่าตัวเองอยู่ง่ายนอนง่ายพอสมควรก็วันนั้น
และหนอยังรู้จักตัวเองดีขึ้นอีกหลายอย่าง
หนอเป็นเด็กที่โตมาแบบกลัวการใช้ชีวิต
ไม่เคยมานั่งคิดว่าความกลัวนั้นจะส่งผลอย่างไรต่อชีวิตบ้าง
ทุกวันนี้หนอยังนั่งคิดเล่นๆ
ว่าหนอได้พลาดอะไรไปหรือเปล่า
ตอนนี้หนอควรทำอะไรบ้าง
ทำให้มากกว่า
“สิ่งที่ควรทำ”
มองให้เกินกว่า
“สิ่งที่ควรทำ”
มองให้เห็น
“สิ่งที่น่าทำ”
จริงอยู่
ชีวิตกำลังเส้นทางหลักให้เราเดิน
แต่เราควรออกไปชื่นชมชีวิตริมทางบ้าง
ไม่ใช่หรือ?
เพื่อให้การเดินทางบนเส้นทางนี้มีความหมาย
หนอว่าหลายคนให้ความสำคัญกับสิ่งสำคัญไม่กี่สิ่ง
จนลืมไปว่า
“สิ่งที่ไม่สำคัญ”
ก็มีความสำคัญ
บางคนให้ความสำคัญกับสาระ
จนลืมไปว่า
“สิ่งที่ไร้สาระ”
ก็มีความสำคัญ
“ทางสายกลาง” เป็นคำตอบของหลายอย่าง
และเป็นคำตอบที่ทุกคนรู้ดี
แต่การแบ่งสมดุล
หาจุดกึ่งกลางนั้นแล ที่ทำกันไม่ได้
คนเราวางแผนไปเที่ยว
ไปถึงก็ไปให้ครบทุกจุด
กินข้าวที่ดีๆ
ถ่ายรูปวิวสวยๆ ซื้อของที่ระลึกมากๆ
ขณะเดียวกันก็คิดไปด้วยว่ากลับไปจากนี้จะมีงานอะไรให้สะสาง
หนอว่าคนเราควรปล่อยใจไปเข้าค่ายกันบ้างนะ
ปล่อยใจไปนอนโดยไม่มีหมอนหนุน
ปล่อยใจไปอยู่ง่ายๆ
นอนง่ายๆ คิดง่ายๆ ฝันง่ายๆ
ปล่อยใจไปให้รู้จักตัวเองมากขึ้น
ปล่อยใจไปเห็นทั้ง
“สิ่งที่ควรทำ”
และ “สิ่งที่น่าทำ”
ปล่อยใจออกจากเส้นทางหลัก
ปล่อยใจออกไปชื่นชมชีวิตริมทาง
ปล่อยใจไปทำ
“สิ่งที่ไม่สำคัญ”
ปล่อยใจไปทำ
“สิ่งที่ไร้สาระ”
ปล่อยใจไปหา
“ทางสายกลาง” ของชีวิต
วันนี้คุณได้ปล่อยใจไปเข้าค่ายกันบ้างหรือยังคะ?
อยากจะปล่อยจะแย่แล้วววววววววววววว
ReplyDeleteอ้าว ไม่ใช่ปล่อยออกมาแล้วเหรอ เธอน่ะ 555
Deleteปล่อยล่ะ ....แต่ยังไม่หมดๆๆๆ 555
Delete555
Delete