หลายอย่างใน Blog นี้เกิดขึ้นจากความว่าง
เวลาว่างๆ
ความคิดว่างๆ หัวว่างๆ
มันไม่จำเป็นต้องมีเรื่องราวมากมายอยู่ในหัวหรอกนะ
ถึงจะเขียนออกมาเป็น
Blog ในแต่ละวันได้
มีคนถามหนอเหมือนกันว่า
ทำไมถึงเขียนทุกวัน
เขียนได้อย่างไรทุกวัน
เอาเรื่องอะไรมาจากไหน
หนอตอบไปว่า
ก่อนอื่นคงต้องขี้บ่นกระมัง
เห็นอะไรติไปหมด
ติไว้ก่อน
ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่ทั้งหมดใช่ไหมล่ะ
ใครๆ
ก็บ่นได้
ถ้าอย่างนั้น
หนอสรุปให้ใหม่
“คงต้องเป็นคน ‘ฟุ้งๆ’ กระมัง”
คนฟุ้งๆ
ความคิดฟุ้งๆ
บ้างก็เรียกเพ้อๆ
บ้างก็เรียกมีจินตนาการ
ฟุ้งเมื่อหัวแน่น
ฟุ้งเมื่อหัวว่าง
ที่สำคัญคือ
พร้อมที่จะฟุ้งอยู่เสมอ
“คนมันจะฟุ้งนะพี่ หมาเดินผ่านก็เอามาเขียนได้แล้ว”
หนอตอบพี่คนหนึ่งไป
ก็มันจริงนี่นา
หัวว่างๆ โล่งๆ ไม่รู้จะเขียนอะไร
มีสิ่งไหนผ่านมาก็เอามาเขียนได้หมด
งานเขียนจากหัวสมองอันแสนว่างเปล่า
หนอเป็นคนหัว
“ว่าง”
ขนาดนั้นจริงๆ นะ
หลายอย่างในชีวิตนี้เกิดขึ้นจากความว่าง
เวลาว่างๆ
ความคิดว่างๆ หัวว่างๆ
มันไม่จำเป็นต้องไตร่ตรองอะไรมากมายหรอกนะ
บางครั้งหนอก็ทำอะไรโดยไม่คิดเหมือนกัน
ไม่คิดใดใดเลย
เพราะรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องคิด
อยากทำตัวว่างๆ
สบายๆ
“มึงทำอย่างนี้ได้ไง? มึงคิดอะไรอยู่?”
เพื่อนหนอถามขึ้นถึงเรื่องหนึ่ง
เรื่องที่ว่านี้นานมาแล้ว
“กูไม่ได้คิดอะไรเลยน่ะสิ”
หนอตอบออกไป
เป็นคำตอบที่ห่วยมาก
“วันหลังมึงคิดบ้างก็ดีนะ
เดี๋ยวจะเดือดร้อนวุ่นวายใหญ่โต”
นั่นคือสิ่งที่เพื่อนพูดประโยคถัดมา
“อือ...”
หนอตอบออกไปสั้นๆ
เป็นคำตอบที่ห่วยมาก
หลายอย่างเกิดขึ้นจากหัวว่างๆ
นี้
ทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดี
ทั้งใน
Blog และในชีวิตจริง
ที่หนอทำได้คือยอมรับหลายอย่างที่เกิดขึ้นนั้น
รับผิดชอบผลที่ตามมา
ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ
อยากหรือไม่อยาก
งานเขียนกับชีวิตจริงบางทีก็ไม่ต่างกันเท่าไรหรอก
คุณว่าไหม?
ชีวิตจริงมันน่ารันทดนัก.....#ใจว่าง 555
ReplyDeleteชีวิตจริงมันน่ารันทดนัก.....#ใจว่าง 555
ReplyDeleteรันทดไม่รันทด ส่วนหนึ่งมันอยู่ที่ใจด้วยว่ะ 555
Delete#อย่าหดหู่นักสิ