บ่ายวันหนึ่งที่อากาศร้อนมาก
หนอกินข้าวกลางวันเสียจนอิ่ม
การโบกรถแท็กซี่เป็นเรื่องที่น่าเบื่อหน่าย
บรรยากาศ
ณ ตอนนั้นไม่มีอะไรดีเลย
ในที่สุดก็ได้แท็กซี่
หนอกระโดดขึ้นเบาะหลัง
ถัดตัวค่อนไปทางกึ่งกลางที่นั่งเพื่อรับแอร์เย็นๆ
ค่าอาหารวันนี้หมดไปเท่าไรนะ..
แล้วไหนจะของที่ซื้ออีก..
“ไปสถานีบีทีเอส........ค่ะ” หนอบอกชื่อสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุด
คนขับไม่ได้พูดอะไรมาก
เขาแค่ขับรถไปเรื่อยๆ
วันนั้นรถติดพอสมควร
มิเตอร์วิ่งขึ้นไม่ยอมหยุด
เอาเถอะ..
ช่วยไม่ได้.. เรื่องเล็กน้อย.. เท่าไรก็จ่ายไป.. หนอคิด
ในที่สุดก็ใกล้ถึงจุดหมาย
คนขับถึงได้ถามขึ้น
“คุณหนูครับ ไอ้รถไฟฟ้านี่ขึ้นยังไงครับ...”
มันคือคำถามแบบไหนกันวะนั่น..
หนอคิดในใจ
“... ลุงอยากพาลูกขึ้นวันเกิด มันไม่เคยขึ้นเลย ว่าจะพามันเที่ยว”
ประโยคนั้นของลุงแทบจะพังโลกทั้งโลกของหนอ
รถไฟฟ้าที่หนอขึ้นทุกวันอย่างไม่เคยคำนวณค่าใช้จ่าย
ขึ้นไปห้าง
เดินเล่นไม่ซื้ออะไร แล้วกลับบ้าน
ขึ้นไปกินข้าวที่หนึ่ง
ย้อนมาอีกที่หนึ่ง แล้วกลับบ้าน
ค่าโดยสารเล็กน้อยเหล่านั้น
มันคือสิ่งที่ลุงต้องเก็บรวบรวมเงินเชียวหรือ
ข้อมูลที่ได้ไม่ใช่ความรู้ใหม่
ไม่ได้น่าประหลาดใจนัก
แต่หนอกลับไม่เคยนึกถึงมาก่อนเลย
คนขับแท็กซี่ส่วนใหญ่มักพูดถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ
เงินเก็บที่แทบไม่เหลือในแต่ละวัน
ซึ่งน้อยคนจะใส่ใจ
ก็มันเป็นปัญหาของเขา
แต่วันนั้นหนอกลับรู้สึกต่างออกไปนะ
“เที่ยว” ที่ลุงบอกว่าอยากพาลูกไป
มันช่างต่างแสนต่างกับ
“เที่ยว”
ที่หนอได้ไป
ค่าเดินทางที่หนอแทบจะนับเป็น “เศษเงิน”
กลับกลายเป็น
“เงินเก็บ”
ทั้งหมดของลุง
วันนั้นหนอใช้เวลาที่มีเหลืออยู่น้อยนิดก่อนจะลงจากรถ
พยายามอธิบายลุงคนขับให้กระจ่างที่สุดเท่าที่จะทำได้
หวังว่าลูกชายลุงคงสนุกกับการขึ้นรถไฟฟ้า
หวังว่าลูกชายลุงจะมีความสุขกับของขวัญวันเกิดนั้น
หวังว่าลูกๆ
ทุกคนจะระลึกถึงสิ่งที่พ่อแม่ทำให้
ความรู้ใหม่เหมือนกันนน
ReplyDeleteน่ารักดีเนอะ
Delete