หนอเป็นคนไม่มีใครจีบค่ะ
ไม่มีใครกล้าจีบ
ตลอดชีวิตมัธยมหนอไม่เคยได้ดอกไม้สักดอก
ไม่เคยได้แม้แต่
Sticker หัวใจที่แปะปกเสื้อกัน
แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เด็กคนหนึ่งจะเรียกร้อง
ถูกไหมคะ?
วันนั้นเป็นวันท้ายๆ
ของการเรียนมัธยม
หนอเพิ่งกลับถึงบ้านได้ไม่นาน
โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เสียงปลายสายเป็นนักเรียนชายต่างห้องที่ไม่สนิท
หนอรู้ว่าเขาจะโทรมา
คุณครูประจำชั้นของเขาบอกไว้แล้ว
แจ๊คเป็นเด็กแผนวิทย์ฯ
อยู่คนละแผนกับหนอ
คนละห้อง
คนละคณะสี ไม่เคยได้ทำงานร่วมกันเลย
หนอเป็นเด็กแผนศิลป์-ภาษา
เป็นคณะกรรมการนักเรียน
ทำกิจกรรมในโรงเรียนหลายอย่าง
กับเพื่อนหลายกลุ่ม
แจ๊คเป็นเพื่อนของเพื่อนในคณะกรรมการนักเรียนอีกที
หนอเพิ่งมาสังเกตเห็นเขาก็เมื่อปลายเทอม
2 แล้ว
ถ้าเพื่อนรอบข้างของเขาไม่แซว
หนอก็คงไม่ได้สังเกต
แจ๊คดูเขินอายตลอดเวลา
นั่นคือสิ่งที่หนอเห็น
แล้วมันก็แค่นั้น
เราสองคนไม่เคยคุยกัน
ได้แค่เดินผ่านกันไปผ่านกันมา
เห็นหรือยังคะ?
ไม่มีใครกล้าคุยกับหนอหรอกค่ะ
แล้วเขาก็โทรมา...
จากเบอร์ที่คุณครูประจำชั้นเป็นคนให้ไป
โดยที่คุณครูมาขออนุญาตจากหนอแล้ว
ทุกคนเห็นความเขินอายนั้นสินะ
“ขอบคุณนะที่หนอรับโทรศัพท์” แจ๊คเอ่ยอย่างเกรงใจ
“ไม่เป็นไรเลย มีอะไรพูดคุยกันได้”
“เราไม่ได้จะจีบหนอนะ...”
“อืม จ้ะ หนอเข้าใจ”
“เราอยากบอกว่าเราประทับใจหนอ...”
“ม.ต้นแจ๊คอยู่ห้องอะไร ทำไมหนอไม่เคยเจอ”
เป็นสิ่งที่หนอควรถามที่สุดแล้วในตอนนั้น
หนอเป็นประธานรุ่นมาทุกปีตอนม.ต้น
มั่นใจว่าสามารถจำแนกหน้าจำแนกห้องเพื่อนๆ
ได้
ทำไมถึงไม่คุ้นหน้าแจ๊คเลย
“เราเข้าตอนม.4 น่ะ...”
นั่นอธิบายว่าทำไมเราไม่เคยเจอกัน
คนที่เข้าเรียนตอนม.4 มีน้อยมาก
แต่โรงเรียนก็ยังจัดปฐมนิเทศทุกปี
เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ปลีกย่อย
“เราไม่เคยคุยกันเลยเนอะ” หนอทักก่อน
“อืม ใช่”
“แล้วทำไมถึงประทับใจหนอล่ะ”
“วันปฐมนิเทศขึ้นม.4 ที่เขามีเรียงแถวขึ้นหอประชุมเป็นรายห้อง
ห้องแจ๊คเดินผ่านห้องหนอ ตอนนั้นหนอคุยเล่นกับเพื่อนๆ อยู่ หนอยิ้มสวย
ยิ้มแล้วแจ๊คละลายเลย...”
เป็นสิ่งที่หนอไม่คาดคิดว่าจะได้ยินในตอนนั้น
มันช่างเป็นบทละคร
แต่มันก็ช่างจริงใจ
มันช่างเป็นปัจจุบัน
แต่มันก็ช่างเป็นอดีต
นี่เขาเก็บความรู้สึกนี้มา
3 ปี
เชียวหรือ?
หนอกล่าวขอบคุณแจ๊คที่อุตส่าห์โทรมาเล่าให้ฟัง
ขอบคุณแจ๊คที่ประทับใจ
ที่รู้สึกดีด้วย
พร้อมทั้งอวยพรให้โชคดีกับอนาคตนับจากนี้
จบม.6 แล้วเราคงไม่ได้เจอกัน
จนถึงทุกวันนี้หนอก็ยังไม่เคยเจอแจ๊คอีกเลย
ไม่รู้ว่าเขาลืมบทสนทนานี้ไปแล้วหรือยัง
จริงๆ
หนอลืมไปหลายรอบแล้ว
นานๆ
ครั้งจะนึกถึงเสียที
“หนอยิ้มแล้วแจ๊คละลายเลย”
ยังเป็นสิ่งที่ชัดมากในความทรงจำ
ไม่เคยมีใครพูดแบบนั้นกับหนอ
และยังไม่มีจนวันนี้
จะเพราะไม่มีใครรู้สึกแบบนั้น
หรือเพราะไม่มีใครกล้าพูดแบบนั้น
หนอไม่รู้
“กล้า” คือ Keyword สินะ
หนอคิดว่าไม่มีใคร
“กล้า”
พูดแบบนั้น
เพราะมันต้องรวบรวมความกล้าอย่างมาก
ในการบอกผู้หญิงที่ค่อนข้างแปลกหน้าคนหนึ่งว่าเธอยิ้มสวย
แล้วคนพูดก็ไม่มีทางรู้เลยว่าเธอจะตอบกลับมาอย่างไร
นอกเหนือจากคำชมที่หนอจำได้แล้ว
หนอยังเลือกจำความ
“กล้า”
ของแจ๊คไว้อีกด้วย
สิ่งที่เขาทำวันนั้น
“แมน”
มากนะ
หนอว่าหนอก็แมนพอสมควร
ยังไม่รู้ว่าจะทำแบบนั้นกับใครได้หรือเปล่า
หนอให้
Credit กับ “ความแมน” มากจริงๆ
นี่นับเป็นหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่น่าประทับใจ
นานๆ
จะมีคนชมอย่างนี้สักที
ในฐานะคนฟัง
หนอบอกเลยนะว่ารู้สึกดี
เพราะฉะนั้น
ถ้าคุณคนที่อ่าน Blog
นี้อยู่คนไหน
ที่กำลัง
“เป็นแจ๊ค”
อยู่ ก็บอกปลื้มคนที่คุณปลื้มเสียนะคะ
ถ้าเขาทำเหมือนคุณเป็นตัวตลก
คุณก็จะได้รู้ว่าเขาไม่คู่ควรต่อการปลื้ม
ถ้าเขารับฟัง
คุณก็จะได้ระบายในสิ่งที่คุณเก็บมานาน
และถ้าเขาประทับใจคุณที่กล้าบอก
พวกคุณทั้งคู่ก็จะได้ต่อยอดความประทับใจกันไปมา
คงเป็นความรู้สึกที่พิเศษไม่น้อย
ว่าไหมคะ?
วันนี้คุณ
“เป็นแจ๊ค”
แล้วหรือยัง?
อ่านไปยิ้มไป... ถึงจะไม่เคยมีใครพูดแบบนี้กับเราก็เหอะ 5555
ReplyDeleteอันนี้ Feedback ดีว่ะ มีคน Tweet มาเขินใส่เยอะมาก 5555
Deleteแหววอ่านไปยิ้มไปอ่ะ วันนี้เครียดทั้งวัน อ่านไปมีหลุดขำ 555
Deleteแจ๊คนี่มีตัวตนจริงนะ แต่ไม่รู้จะไปตามที่ไหน 555555
Deleteถ้าเจอที่ไหนบอกมั่งนะคะ จะไปตามมั่ง 5555
Deleteแล้วแหววจะเจอแจ๊คของตัวเอง พี่เชื่อ :)
Deleteตอนมัธยมก็ไม่ค่อยมีใครกล้ามายุ่งกับหนูนะ หนูหน้าโหด 55555
ReplyDeleteพอกันแหละ
Deleteแต่พี่ไม่ได้โหดแค่หน้าไง 55555