มันช่างเป็นคาบเรียนที่น่าหลับเสียเต็มประดา
บ่ายของวันที่อบอ้าววันหนึ่ง
พัดลมเพดานดูเหมือนจะทำหน้าที่ของมันได้ไม่ค่อยดีนัก
แต่ข้าวกลางวันยังคงทำหน้าที่ได้ดีเสมอต้นเสมอปลาย
“หนังท้องตึงหน้าตาหย่อน” เป็นคำกล่าวที่แสนจะจริง
คำสั่งให้นักเรียนทั้งห้องอ่านออกเสียงพร้อมกันนั้นชัดเจน
หนอเปิดหนังสือเรียนไปยังหน้าที่ครูบอก
และเริ่มอ่านกลอนแปดบทนั้นไปพร้อมกับทุกคน
เสียงตวาดนั้นไม่ชัดเจน
เพื่อนข้างๆ
ต้องสะกิดให้ขยับปากอ่านต่อไป
หนอเปิดหนังสือเรียนให้ทันคนอื่นๆ
และพยายามอ่านกลอนแปดบทนั้นไปพร้อมกับทุกคน
แล้วก็ไม่มีเสียงตวาดอีกต่อไป
หนังสือเรียนที่อยู่ตรงหน้าถูกกระชากอย่างแรง
ขว้างข้ามห้องเรียนที่เงียบกริบออกไปนอกประตู
นักเรียนต่างก็นั่งกันตัวแข็ง
เสียงตวาดนั้นชัดเจน
ชัดเจนพอให้หนอลุกขึ้นเดินออกไปตามที่ครูชี้นิ้ว
เก็บ
“ของที่หลุดจากมือ”
ครูขึ้นมาช้าๆ
เดินวกกลับมาริมทางเดิน
หาที่เหมาะๆ แล้วคุกเข่าลงไป
“อ่านในห้องดีๆ ไม่ชอบก็ไปอ่านนอกห้อง... ไป!”
หนอคุกเข่าอยู่จนมีเสียง
“ติ๊งต่อง”
เลิกคาบ
นักเรียนชั้นอื่นเดินเปลี่ยนห้องกันขวักไขว่
พลางชำเลืองมองยัยหน้าโง่ที่ถูกทำโทษอยู่นอกห้องเรียน
หนอถูกทำโทษ
เพราะปากหยุดขยับ หยุดอ่านกลอน
ด้วยสำนึกของเด็กประถม
4 ในตอนนั้น
“มันสมควรแล้ว” คือสิ่งที่หนอย้ำกับตัวเอง
สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติในโรงเรียน
“มันสมควรแล้ว...” หนอย้ำกับตัวเอง “...หยุดอ่านเองทำไม”
หนอไม่เคยเล่าเรื่องวันนั้นให้ใครฟัง
------------------------------
มันช่างเป็นคาบเรียนที่น่าหลับเสียเต็มประดา
บ่ายของวันที่น่าเบื่อวันหนึ่ง
แต่หนอไม่ได้รับรู้ถึงความน่าเบื่อเท่าไร
เพราะหนอไม่ได้อยู่ในฐานะผู้เรียน
หนอนั่งดูแม่
Brief Lab อยู่ในห้องกระจก
วันนั้นแม่คุม
Lab เด็กวิศวะ
หนอนั่งวาดรูปเล่นเหมือนที่ทำทุกปิดเทอม
แล้วเสียงฮือฮาใน
Lab ก็ดังขึ้น
เสียงโวยวายนั้นไม่ชัดเจน
แต่ก็ไม่มีอะไรผิดสังเกต
หนอนั่งวาดรูปต่อไป
แม่ยืน
Brief Lab ต่อไป
แล้วก็ไม่มีเสียงโวยวายอีกต่อไป
แม่เดินเข้าห้องกระจกมาหลังจากที่
Brief Lab เสร็จ
สีหน้าไม่ค่อยดีนัก
“มีนักศึกษาเดินออกไป...” แม่บอก
ทำไมเด็กคนนั้นต้องโวยวายเดินออกไป
ทำไมเขาต้องผรุสวาทครูผู้สอน
ทำไมแม่ต้องเป็นคนเก็บ
“ของที่หลุดจากมือ”
นักศึกษาขึ้นมาช้าๆ
Sheet
ที่แม่ตั้งใจทำ... ถูกนักศึกษาขว้างลงพื้น
หนอนั่งวาดรูปอยู่จนมีเสียงกริ่งเลิกคาบ
นักศึกษาเดินเปลี่ยนห้องกันขวักไขว่
หนอชำเลืองมองคนที่ถูกทำโทษอยู่อย่างนั้น
แม่ถูกทำโทษ...
เพราะอะไรกัน?
ด้วยสำนึกของเด็กประถม
4 ในตอนนั้น
“มันไม่สมควรเลย” คือสิ่งที่หนอย้ำกับตัวเอง
สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นเรื่องปกติในมหาวิทยาลัย
“แต่มันไม่สมควรเลย...” หนอย้ำกับตัวเอง
หนอไม่เคยเล่าเรื่องวันนั้นให้ใครฟัง
แม่ถูกทำโทษ...
เพราะอะไรกัน?
แม่ถูกทำโทษที่เรียนเก่ง
แม่ถูกทำโทษที่สอบชิงทุนได้
แม่ถูกทำโทษที่ไปเรียนเมืองนอก
แม่ถูกทำโทษที่กลับมาใช้ทุน
แม่ถูกทำโทษที่สอนหนังสือ
แม่ถูกทำโทษที่คุม
Lab วิศวะ
แม่ถูกทำโทษ...
ที่เป็นครู
คนเราปล่อยของบางอย่างให้หลุดจากมือโดยไม่ใช้สมอง
หรือใช้สมองแล้ว
แต่ก็ได้แค่นั้น
ของยังคงหลุดจากมือ
ความรู้สึกยังคงถูกทำร้าย
ภาพเหตุการณ์ยังคงถูกจดจำ
หนอยังคงถูกทำโทษในฐานะผู้เรียน
แม่ยังคงถูกทำโทษในฐานะผู้สอน
ถ้าทำได้
หนอจะยอมถูกทำโทษ 2
ครั้ง
แล้วให้แม่ไม่ต้องเจอเหตุการณ์วันนั้น
ครูโรงเรียนเซนต์ฟรังฯ
ท่านนั้น...
นักศึกษาวิศวะ
มหิดล คนนั้น...
“ของที่หลุดจากมือ” วันนั้น
หนอยังคงเก็บไว้ให้อยู่นะคะ
ไม่อวยนะ
ReplyDeleteชอบอันนี้
มีชั้นเชิง
บอกมุมมองที่คม
พอเราโตขึ้นเราจะเห็นความผิดพลาดบางอย่างในมุมที่ต่างไป และเห็นมุมที่ถูกต้องในแบบที่ควรจะเป็น
ชั้นเชิงนี้คงมาจากความปรี๊ดนะคะ 55555
Deleteเขียนไปปรี๊ดไป
ยิ่งนึกถึงเรื่องแบบนี้ยิ่งปลุก "กบฏ" ในตัวขึ้นมา
เขียนรวดเดียว ม้วนเดียวจบเลยค่ะพี่
อ่านแล้วความรู้สึกในวัยเด็กย้อนกลับมา
ReplyDeleteใช่ซินะฉันก็เคยเป็นแบบนี้
รู้สึกว่าการกลั่นกรองภาษาจากพี่หนอให้ความรู้สึกดีมากๆเลยค่ะ
ดีใจ :)
Deleteพี่ก็ย้อนนะความรู้สึกนะ ยิ่งเขียนไปยิ่งโกรธ
ทำไมมันมีเรื่องอย่างงี้วะ
มันผิดตรงไหนกันแน่ ระบบ สำนึก คน หรือทุกอย่าง
คือแบบ... สุดท้าย ถ้ามีลูกจะให้เรียนที่ไหนยังไงดีกว่า
ทุกโรงเรียนต้องมีแบบนี้อยู่แล้วนี่เนอะ
สรุปว่ามันปกติ ทุกคนเคยเจอ แล้วคงต้องให้มันไปต่อไป?
----------
จริงๆ คือแค่จะบ่นนี่แล 5555555555
อ่านไปย้อนวัยไป เอออ ได้อารมณ์ ภาษา ดีอ่ะ .....
ReplyDeleteมะจัง... สินะ 555
Delete