Milan
Kundera เขียนในหนังสือ
The
Unbearable Lightness of Being ไว้ว่า
คนเรามี
4 จำพวก
คนที่ต้องการให้ "สาธารณะ" ดู
คนที่ต้องการให้ "คนคุ้นเคยจำนวนหนึ่ง" ดู
คนที่ต้องการให้ "คนที่รัก" ดู
คนที่ต้องการให้ "คนในจินตนาการ" ดู
อ่านแค่นี้ก็ดูจะเข้ากับสังคมยุคนี้นะคะ
จะดูจากการตั้งค่า
Facebook หรือ Twitter ก็ตาม
เราสามารถกำหนดกลุ่มคนที่เราต้องการให้มาดูได้
เลือกที่จะเปิดเผยกับใครบ้าง
เลือกคนที่จะมาเห็นมาได้ยิน
มาอ่านมาฟัง
อย่างน้อยนั่นก็เป็นสิทธิของเรานี่นะ
ไม่ใช่ใครก็ได้จะมาลามปาม
มาถึงเนื้อถึงตัว
หนอไม่ใช่ "บุคคลสาธารณะ" เลย
แต่หนอ "สาธารณะ" พอสมควร
คนที่ติดตามทาง
Twitter ก็เข้าใจดี
หนอบ่นนกบ่นไม้
แซวคนบนรถไฟฟ้า และด่าขอทาน
ใคร
Tweet มาติมาชม ก็ Retweet ให้คนอื่นอ่านด้วย
Mention
มาด่าก็เปิดเผยน่ะ เอ้า สาธารณะประมาณนั้น
แต่คนคนหนึ่งจะ "สาธารณะ" ได้ตลอดหรือเปล่า?
Facebook
หนออย่างหนึ่งล่ะที่ไม่สาธารณะ
มีแค่ "คนคุ้นเคยจำนวนหนึ่ง" ที่ได้รับอนุญาตให้ดู
ส่วนหนึ่งเป็น "คนที่รัก"
ที่เหลือเป็น "คนคุ้นเคย"
คุ้นเคยมาก
คุ้นเคยน้อย คุ้นเคยตามสถานการณ์
เคยคุ้นเคย...
ลองใช้ตรรกะนี้กับอย่างอื่นบ้าง
หนอเพิ่งดูหนังเรื่องหนึ่ง
พระเอกขอนางเอกแต่งงานในที่สาธารณะ
คนมามุงดูเต็มเลย
อย่างนั้นคือ "คนที่ต้องการให้สาธารณะดู" หรือเปล่า?
นางเอกไม่น่าจะแค่เขินแล้วล่ะ
น่าจะถึงขั้นอายเลย
"เขิน" กับ "อาย" ไม่เหมือนกันนะคะ
หนอเป็นคนไม่ชอบการที่ต้องเขินต้องอายในที่สาธารณะ
ใครจะชอบล่ะคะ
คนปกติก็ไม่ชอบอยู่แล้ว
คนมาดคุณหนู
ขี้เก๊ก ฟอร์มจัด... จะไปเหลืออะไร
ยิ่งเป็นคนไม่ชอบอะไรเลี่ยนๆ
อยู่ด้วย
ไอ้เรื่องที่จะดูหนังแล้วแทนตัวเองเป็นนางเอกในฉากแบบนั้น
ยิ่งคิดยิ่งน่าอึดอัดนะคะ
สรุปว่า
เรื่องอย่างนี้หนอไม่สาธารณะเท่าไรสินะ
จริงๆ
จะเรียกว่าไม่ชอบเสียทั้งหมดก็ไม่ได้
หนอไม่ชอบการที่ให้เขินให้อายในที่สาธารณะ
แต่ชอบ
Idea ของการ "บอกให้โลกรู้"
อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้ก็ได้
หนอถึงถนัด
Social Network นัก
ซึ่งก็ไม่ถึงกับเล่นทุกเครือข่าย
แต่ที่เล่นกันหลักๆ
นั่นหนอเล่นหมด
ผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบการบอกให้โลกรู้นะคะ
จะมากจะน้อยก็แตกต่างกันไป
ตามลักษณะนิสัยพื้นฐาน
ตามลักษณะนิสัย
ณ เวลานั้น
ตามบรรยากาศรอบตัวเธอ
ตามความประพฤติของคนใกล้ตัว
และ/หรืออีกหลายอย่าง
หนอเล่น
Twitter มากที่สุดค่ะ
ส่วนที่
Link ออกมาอีกก็มี Foursquare และ Instagram
Facebook
นี่ Update น้อยหน่อย แต่ Check เรื่อยๆ
หนอเป็นคนไม่บ่นอะไรลงหน้า
Wall ตัวเองค่ะ
มัน "ผลัก" เรื่องที่เราอยาก Show ลงไปน่ะ นึกออกไหม
เพราะฉะนั้นก็มักจะมีแต่รูป
มีแต่ Status ที่อยากบอกเท่านั้น
แล้วก็มักจะเป็น
Quote เป็นคำคม ปรัชญาบ้าง ไร้สาระบ้าง
เราบอกคนอื่นเพื่อที่จะ "บอกคนอื่น" อย่างเดียวหรือคะ?
เราบอกคนอื่นเพื่อที่จะ "บอกตัวเอง" ได้หรือเปล่า?
เขาว่ากันว่า
การติวหนังสือให้เพื่อนเป็นการติวให้ตัวเอง
เพราะยิ่งทำให้ตัวเองจำเรื่องที่พูดออกไปได้ดียิ่งขึ้น
มี
Follower มาปรึกษาปัญหาชีวิตกับหนอค่ะ
เขาอ่าน
Blog บางเรื่องก่อนๆ หน้า
แล้วอยากทำความเข้าใจ
อยากให้หนอแนะนำเขาให้ทำให้ได้แบบนั้น
ให้ "ปลง" ให้ได้แบบนั้น
หนอนัดมาเจอ
แล้วนั่งคุยกันสักครู่
สิ่งที่หนอปลอบเขาไปดูเป็นประโยชน์นะ
ดีใจจัง
แต่แล้วหนอก็กลับบ้านมานั่งคิด
หนอ "ติว" เขาเพื่อที่จะ "ติว" ตัวเองหรือเปล่า?
หนอปลอบเขาเพื่อที่จะปลอบตัวเองหรือเปล่า?
การบอกอะไรคนอื่นสักอย่างเป็นไปเพื่อการบอกตัวเองด้วยหรือเปล่า?
หนอรู้สึกว่าถ้าบอกเขาไปแล้วตัวเองทำไม่ได้จะไม่ดี
เหมือนไปบอกเด็กว่าอย่าดื่มเหล้านะ
เหล้ามันไม่ดี
แล้วดันไปดื่มเหล้าเสียเอง
อย่างนี้เป็นต้น
สิ่งที่ถูกทำให้เป็นสาธารณะจึงกลายเป็น...
การบอกทั้งตัวเรา
ทั้งตัวเขา
ทั้งใครก็ตามที่บังเอิญมารับรู้
มาเป็นพยานของการกระทำของเรา
ก็เป็นกระบวนการที่ "โปร่งใสตรวจสอบได้" ดีนะคะ
แสดงว่าคนที่กล้า "สาธารณะ" เป็นคน "เปิดเผย"
ย้อนกลับไปที่การขอแต่งงาน
หลักๆ
คือการบอกให้คนรักรู้ว่าอยากแต่งงานด้วย
แต่สิ่งที่แฝงอยู่คือการบอกให้ทุกคนรู้ว่าอย่างแต่งงานกับคนนี้
คือ "ฉันยินดีขายหน้าเพื่อบอกสิ่งนี้" และ "เธอคนนี้เป็นของฉัน"
คือเขา "สาธารณะ" และ "เปิดเผย"
ถ้าคิดแบบนี้หนอก็ว่ามัน
Romantic ดีนะคะ
ข้ามเรื่องความเขินความอายไป
เหลือแค่ส่วนที่ประกาศความเป็นเจ้าของ
หนอไม่ใช่คนที่ "สาธารณะ" ไปทุกเรื่อง
แต่หนอเชื่อว่าทุกเรื่องนั้นมองได้จากหลายมุม
หนอไม่เห็นคุณค่าของทำให้เขินอายขายหน้ากัน
หรือแม้กระทั่งฉีกหน้ากันในที่สาธารณะ
แต่หากมองว่า "สาธารณะ" นั้นคือ "เปิดเผย"
มันก็ไม่เลวร้ายเท่าไรใช่ไหมคะ?
"โปร่งใสตรวจสอบได้" ดีออกใช่ไหมคะ?
ครั้งต่อไปที่คุณจะ
Check-in ที่ไหนและ Tag ใคร
มันไม่ใช่ "การทำให้เป็นสาธารณะไปอย่างนั้นเอง" แล้วนะคะ
ที่เห็นเขาทำกัน เราก็เลยทำบ้าง
ที่เห็นเขาทำกัน เราก็เลยทำบ้าง
แต่มันคือ "ฉันยินดีเปิดเผยเพื่อบอกว่าอยู่ที่นี่"
และ "เธอคนนี้อยู่กับฉัน"
และ "เธอคนนี้อยู่กับฉัน"
หนอว่ามันคือการให้เกียรติกันอย่างหนึ่งด้วย
ยิ่งถ้าเป็นคนที่พิเศษสำหรับคุณด้วยแล้ว
เป็นคนที่สำคัญกับคุณด้วยแล้ว
เป็นคนที่สำคัญกับคุณด้วยแล้ว
ถ้าคิดแบบนี้หนอก็ว่ามัน
Romantic ดีนะคะ
มันก็ไม่เลวร้ายเท่าไรใช่ไหมคะ?
มีเรื่องที่อยาก "บอกให้โลกรู้" กันหรือยังคะ?
ชอบๆๆ ^^
ReplyDeleteงงหน่อยนะ (ขนาดเขียนเองนะเนี่ย 555)
Deleteคือตอนแรกจะแยกเป็น 2 เรื่อง
แต่เปลี่ยนใจ เขียนรวมกันเลยดีกว่า
ออกมาเป็นงี้
-_-"
ตอนแรกๆก็งงนิดหน่อย แต่หลังๆพอจับใจความได้
ReplyDeleteงืมมม... :)
Deleteตอนนี้ยาวมากกกกก และชอบมากกกกกกเช่นกัน ^______^
ReplyDeleteดีใจที่ชอบ
Deleteเข้าใจว่างงไปหน่อย
พยายามรวม 2 ประเด็น
ผลเลยออกมาเป็นงี้ ยาว งง ไม่สมูธ
อีกครั้ง... ดีใจจริงๆ ที่ชอบ :)