March 31, 2013

เจ้าประจำ

แล้วก็กำลังจะหมดไปอีกวัน
ได้เวลาหาอาหารเย็นแล้วสินะ
ร้านอาหารใหม่ๆ แถวอารีย์ทำให้ตัวเลือกเพิ่มมากขึ้น
มีให้เลือกซื้อเลือกกินกันไม่ถูกเลย


แล้วก็ต้องจ่ายค่าโทรศัพท์มือถือ
หนอตัดสินใจนั่งมอเตอร์ไซค์มาลงปากซอย
แทนที่จะเป็นตรงร้านอาหารที่หมายตาซึ่งถัดเข้าไปในซอย
แล้วจัดการธุระที่ร้านสะดวกซื้อให้เรียบร้อยก่อน


อากาศร้อนเกินไป
การเดินระยะ 2 ซอย ดูจะเป็นภาระหนักอึ้ง
หนอเปลี่ยนใจมาเลือกยำวุ้นเส้นเจ้าประจำ
ร้านนี้ขายเฉพาะช่วงเย็น


อาหารน่ากินเกินไป
หนอสั่งยำ 2 ถุง แล้วเหลือบไปเห็นแกงแปลกๆ
แกงป่าปลากดคนขายบอก
หนอสั่งแกงป่านั้นเพิ่ม รวมทั้งข้าวซอยไก่อีก 1 ชุด


เธอเป็นคนทำอาหารอร่อยมาก
ช่วงกลางวัน เธอขายก๋วยเตี๋ยวไก่มะระถัดเข้าไปในซอย
แต่หนอเคยชิมอาหารของเธอก็เฉพาะที่ขายช่วงเลิกงาน
อาหารข้างเคียงที่เธอทำสลับมาขายนอกจากยำน่าสนใจเสมอ


เธอเป็นคนโอภาปราศรัยดี
ผักหายาก มะนาวแพง อากาศร้อน
เรียกว่าเล่า สารทุกข์ดีกว่า เพราะ สาระที่ได้มีแต่ ทุกข์
ชีวิตคนขายอาหารลำบากจริงๆ หนอคิดอย่างนี้มานานแล้ว


วันนี้ขายก๋วยเตี๋ยวได้ 700 บาทเอง...
เธอตอกย้ำสิ่งที่หนอคิดด้วยประโยคนี้
... ลงทุนแต่ละวัน 3,000 เชียวนะ
เธอย้ำ แต่ก็ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ฟังดูเป็นเรื่องปกติ


เธอบอกหนอว่าคนไม่ค่อยเดินออกมาซื้อข้าวกลางวันกันแล้ว
อากาศร้อนเกินไป ร้านก๋วยเตี๋ยวเงียบมา 3 อาทิตย์แล้ว
ทุกอย่างขึ้นราคา ทุกคนไม่อยากซื้อ
แต่จะทำอย่างไรได้เล่า คนขายก็ยังต้องขาย


หนอจ่ายเงินให้เธอตามราคา
200 บาท
มื้อนั้นอิ่มอร่อยเป็นพิเศษ
วันนี้คุณมีร้านอาหารเจ้าประจำกันหรือยังคะ?

March 27, 2013

พี่สาว

หนออยากมีพี่สาวค่ะ
อยากมีพี่สาวมาตลอดชีวิต
ชีวิตที่โดนจับให้เล่นบอลกระดานสนามกระดาษ
หุ่นยนต์ปล่อยกำปั้น และ Prince of Persia มาตลอด
ตุ๊กตา Barbie ไม่เคยเป็นสมบัติในบ้านหนอค่ะ
และหนอก็ติด Dragon Ball
และหนอก็อ่าน Jojo ล่าข้ามศตวรรษ
และหนอก็เล่น Magic: The Gathering (Deck ฟ้า-ขาว)


หนออยากแต่งหน้าเป็นค่ะ
อยากมีคนช่วยแต่งหน้าแต่งตัว
เดิน Shopping ด้วย แลกของกันใช้
ไม่ใช่คนที่มาแกล้ง มาแหย่ให้ร้องไห้
แล้วสุดท้ายก็โดนพ่อตี
ถ้าแกล้งน้องแล้วโดนตี จะแกล้งแต่แรกทำไม
แกล้งเด็กอายุห่างกัน 7 ปี สนุกตรงไหน
เป็นสิ่งที่ลูกคนเล็กคนหนึ่งไม่เข้าใจ


หนออยากเป็นพี่สาวค่ะ
อยากเป็นพี่สาวตั้งแต่จำความได้
จะด้วยเพราะเห็นคนอื่นมีน้อง
หรือจะด้วยเพราะไม่อยากเด็กที่สุดก็ตาม
หนออยากมีคนไว้แกล้ง ไว้แหย่ให้ร้องไห้บ้าง
อยากช่วยเลี้ยง อยากสอน อยากดูแล
อยากเป็นที่ปรึกษาเวลาน้องโตขึ้น
อยากเป็นคนที่ถูก รับฟัง


หนออยากเสียสละเป็นค่ะ
ใครใครก็บอกว่าเป็นพี่ต้องเสียสละให้น้องก่อนเสมอ
ให้เล่นบอลกระดานสนามกระดาษ
หุ่นยนต์ปล่อยกำปั้น และ Prince of Persia
ให้ดู Dragon Ball ให้อ่าน Jojo ล่าข้ามศตวรรษ
ให้เล่น Magic: The Gathering ด้วยกัน


หนอคงมีได้แค่น้องชายสินะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า


ก็จริงอยู่ หนออยากมีพี่สาว อยากมีน้องชาย
แต่เรื่องอย่างนี้คนเราก็ได้แค่อยากหรอกนะ
ในชีวิตจริงหนอพบพี่พบน้องในหมู่คนรู้จัก
บางคนก็ให้ความรู้สึกอย่างนั้นได้จริงๆ
ว่าเราควรจะได้โตมาด้วยกันตั้งแต่แรก
ว่าเราควรจะได้แบ่งปันชีวิตกันมาตั้งนานแล้ว


หนอจะได้พบพี่สาวน้องชายในฝันบ้างไหมนะ?
ประกาศหาเลยก็แล้วกัน...


รับนรณฏฐสักคนไหมคะ?

March 25, 2013

ของที่หลุดจากมือ

มันช่างเป็นคาบเรียนที่น่าหลับเสียเต็มประดา
บ่ายของวันที่อบอ้าววันหนึ่ง
พัดลมเพดานดูเหมือนจะทำหน้าที่ของมันได้ไม่ค่อยดีนัก
แต่ข้าวกลางวันยังคงทำหน้าที่ได้ดีเสมอต้นเสมอปลาย
หนังท้องตึงหน้าตาหย่อนเป็นคำกล่าวที่แสนจะจริง
คำสั่งให้นักเรียนทั้งห้องอ่านออกเสียงพร้อมกันนั้นชัดเจน
หนอเปิดหนังสือเรียนไปยังหน้าที่ครูบอก
และเริ่มอ่านกลอนแปดบทนั้นไปพร้อมกับทุกคน


เสียงตวาดนั้นไม่ชัดเจน
เพื่อนข้างๆ ต้องสะกิดให้ขยับปากอ่านต่อไป
หนอเปิดหนังสือเรียนให้ทันคนอื่นๆ
และพยายามอ่านกลอนแปดบทนั้นไปพร้อมกับทุกคน


แล้วก็ไม่มีเสียงตวาดอีกต่อไป
หนังสือเรียนที่อยู่ตรงหน้าถูกกระชากอย่างแรง
ขว้างข้ามห้องเรียนที่เงียบกริบออกไปนอกประตู
นักเรียนต่างก็นั่งกันตัวแข็ง
เสียงตวาดนั้นชัดเจน
ชัดเจนพอให้หนอลุกขึ้นเดินออกไปตามที่ครูชี้นิ้ว
เก็บ ของที่หลุดจากมือครูขึ้นมาช้าๆ
เดินวกกลับมาริมทางเดิน หาที่เหมาะๆ แล้วคุกเข่าลงไป


อ่านในห้องดีๆ ไม่ชอบก็ไปอ่านนอกห้อง... ไป!”


หนอคุกเข่าอยู่จนมีเสียง ติ๊งต่องเลิกคาบ
นักเรียนชั้นอื่นเดินเปลี่ยนห้องกันขวักไขว่
พลางชำเลืองมองยัยหน้าโง่ที่ถูกทำโทษอยู่นอกห้องเรียน
หนอถูกทำโทษ เพราะปากหยุดขยับ หยุดอ่านกลอน
ด้วยสำนึกของเด็กประถม 4 ในตอนนั้น
มันสมควรแล้วคือสิ่งที่หนอย้ำกับตัวเอง
สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติในโรงเรียน
มันสมควรแล้ว...หนอย้ำกับตัวเอง ...หยุดอ่านเองทำไม


หนอไม่เคยเล่าเรื่องวันนั้นให้ใครฟัง


------------------------------


มันช่างเป็นคาบเรียนที่น่าหลับเสียเต็มประดา
บ่ายของวันที่น่าเบื่อวันหนึ่ง
แต่หนอไม่ได้รับรู้ถึงความน่าเบื่อเท่าไร
เพราะหนอไม่ได้อยู่ในฐานะผู้เรียน
หนอนั่งดูแม่ Brief Lab อยู่ในห้องกระจก
วันนั้นแม่คุม Lab เด็กวิศวะ
หนอนั่งวาดรูปเล่นเหมือนที่ทำทุกปิดเทอม
แล้วเสียงฮือฮาใน Lab ก็ดังขึ้น


เสียงโวยวายนั้นไม่ชัดเจน
แต่ก็ไม่มีอะไรผิดสังเกต
หนอนั่งวาดรูปต่อไป
แม่ยืน Brief Lab ต่อไป


แล้วก็ไม่มีเสียงโวยวายอีกต่อไป
แม่เดินเข้าห้องกระจกมาหลังจากที่ Brief Lab เสร็จ
สีหน้าไม่ค่อยดีนัก
มีนักศึกษาเดินออกไป...แม่บอก
ทำไมเด็กคนนั้นต้องโวยวายเดินออกไป
ทำไมเขาต้องผรุสวาทครูผู้สอน
ทำไมแม่ต้องเป็นคนเก็บ ของที่หลุดจากมือนักศึกษาขึ้นมาช้าๆ
Sheet ที่แม่ตั้งใจทำ... ถูกนักศึกษาขว้างลงพื้น


หนอนั่งวาดรูปอยู่จนมีเสียงกริ่งเลิกคาบ
นักศึกษาเดินเปลี่ยนห้องกันขวักไขว่
หนอชำเลืองมองคนที่ถูกทำโทษอยู่อย่างนั้น
แม่ถูกทำโทษ... เพราะอะไรกัน?
ด้วยสำนึกของเด็กประถม 4 ในตอนนั้น
มันไม่สมควรเลยคือสิ่งที่หนอย้ำกับตัวเอง
สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นเรื่องปกติในมหาวิทยาลัย
แต่มันไม่สมควรเลย...หนอย้ำกับตัวเอง


หนอไม่เคยเล่าเรื่องวันนั้นให้ใครฟัง


แม่ถูกทำโทษ... เพราะอะไรกัน?
แม่ถูกทำโทษที่เรียนเก่ง
แม่ถูกทำโทษที่สอบชิงทุนได้
แม่ถูกทำโทษที่ไปเรียนเมืองนอก
แม่ถูกทำโทษที่กลับมาใช้ทุน
แม่ถูกทำโทษที่สอนหนังสือ
แม่ถูกทำโทษที่คุม Lab วิศวะ
แม่ถูกทำโทษ... ที่เป็นครู


คนเราปล่อยของบางอย่างให้หลุดจากมือโดยไม่ใช้สมอง
หรือใช้สมองแล้ว แต่ก็ได้แค่นั้น
ของยังคงหลุดจากมือ
ความรู้สึกยังคงถูกทำร้าย
ภาพเหตุการณ์ยังคงถูกจดจำ
หนอยังคงถูกทำโทษในฐานะผู้เรียน
แม่ยังคงถูกทำโทษในฐานะผู้สอน


ถ้าทำได้ หนอจะยอมถูกทำโทษ 2 ครั้ง
แล้วให้แม่ไม่ต้องเจอเหตุการณ์วันนั้น


ครูโรงเรียนเซนต์ฟรังฯ ท่านนั้น...
นักศึกษาวิศวะ มหิดล คนนั้น...
ของที่หลุดจากมือวันนั้น หนอยังคงเก็บไว้ให้อยู่นะคะ

เลือกคณะ

มีหลายอย่างที่หนอไม่เข้าใจ
ทั้งที่รู้เหตุผลก็ยังไม่เข้าใจ


ทำไมคนอยากเรียนสถาปัตย์ต้องเลือกทันตะ
ทำไมคนอยากเรียนแพทย์ต้องเลือกนิติ
ทำไมคนอยากเรียนจิตวิทยาต้องเลือกนิเทศ


เหตุผลคือ พ่อแม่สั่ง


เกือบ 10 ปีที่แล้ว หนอนั่งอยู่ในห้องคณะกรรมการนักเรียน
ดูเพื่อนนั่งร้องไห้ ไม่ใช่แค่เรื่องที่คะแนนไม่ถึงคณะแพทย์
แต่เป็นคะแนนไม่ถึงคณะแพทย์ในมหาวิทยาลัยที่ต้องการ
ไม่สิ... ต้องบอกว่า ในมหาวิทยาลัยที่พ่อแม่ต้องการ


โชอยากเป็นหมอมาตั้งแต่จำความได้
อยากเป็นหมอมาตั้งแต่หนอจำโชได้เช่นกัน
วันนั้น โชนั่งร้องไห้พลางพูดว่า
แม่บอกว่า ทั้งชีวิตแม่ทำให้ทุกอย่าง ไม่เคยขออะไรเลย
วันนี้แม่ขอแค่ให้หนูติดจุฬาฯ หนูทำให้แม่ไม่ได้เชียวหรือ?”
... หนอฟังแล้วโกรธอย่างบอกไม่ถูก


เหตุผลคือ พ่อแม่ขอ


เกือบ 5 ปีที่แล้ว หนอนั่งอยู่ในร้านเค้กแห่งหนึ่งที่หาดใหญ่
นั่งคุยกับเพื่อนสมัยมัธยม วันนั้นเป็นวันซ้อมรับปริญญา
หนึ่งในเพื่อนกลุ่มนี้เพิ่งจบทันตะ มอ.
จบมาใน วิชาชีพที่พ่อแม่ต้องการ


สันต์เป็นคนวาดรูปเก่งมาตลอด
และหนอเข้าใจมาตลอดว่าสันต์อยากเรียนสถาปัตย์
เออสิ อยากเรียนสถาปัตย์ เราชอบวาดรูป
แต่พ่อแม่อยากให้มาทางนี้ มันเป็นอาชีพได้เลย
จะได้ไม่ต้องหางาน ที่นี้คะแนนเราถึงคณะนี้ ก็เลยเรียนที่นี่ไง
แต่เรามีความสุขดีนะ ไม่ได้ฝืนใจหรอก อะไรก็เรียนได้หมด


ก็ดี... อย่างน้อยก็ไม่ได้มานั่งร้องไห้


อีกคนที่ไม่ได้มานั่งร้องไห้คือปราย
บ้านปรายไม่ค่อยมีฐานะ
วันที่เธอมีรายชื่อได้รับทุน พ่อแม่จึงดีใจมาก
ปรายบอกว่าเธอเรียนนิเทศ ไปวันวัน
เรียนได้ จบได้ ทำงานได้
แต่ไม่ได้ชอบ ไม่เคยชอบ... สักวินาทีเดียว


เธอตัดสินใจรับทุนของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง
ทั้งที่เธอตั้งใจจะเรียนคณะที่สอบติดในมหาวิทยาลัยรัฐ
เพื่อเก็บค่าเล่าเรียนที่พ่อแม่มีไว้ให้น้องๆ
นั่นถือเป็นเหตุผลที่ดีพอ และเธอยอมรับได้


เหตุผลคือ ครอบครัว


มีหลายเหตุผลที่ทำให้คนเราเลือกในสิ่งที่เลือก
แม้ว่าสิ่งนั้นจะไม่ใช่สิ่งที่ชอบก็ตาม


บางคนให้น้ำหนักกับความกตัญญูมากกว่าความพอใจ
บางคนให้น้ำหนักกับครอบครัวมากกว่าตัวเอง
โดยการไม่เลือกอนาคตที่ตัวเองต้องการ
แต่กลับ เลือกอนาคตที่ครอบครัวต้องการ


บางคนต้องยอมเลือก 2nd Best ของเรา
เพื่อให้คนที่เรารักได้ The Best ของเขา


แต่มันควรเป็นเช่นนั้นหรือ?


นั่นเป็นสิ่งที่หนอยังไม่ได้คำตอบ
แต่เป็นสิ่งที่หนอไม่เห็นด้วย


มีหลายวิธีการที่จะกตัญญู
มีหลายวิธีการที่จะทำเพื่อพ่อแม่
มีหลายวิธีการที่จะเสียสละเพื่อครอบครัว
การเลือกคณะไม่ควรเป็นหนึ่งในวิธีการเหล่านั้น

March 24, 2013

เติบโตในรัก

Leo Buscaglia กล่าวไว้ว่า
One does not fall “in” or “out” of love.
One grows in love.


หมายความว่า
เราไม่ได้ ตกหรือ ถอนตัวขึ้นจากหลุมรัก
เราเติบโตไปในความรัก


หมายความว่า
เราเข้าใจผิดกันมาตลอด
ที่คิดไปว่า ความรักเติบโตขึ้นในใจเรา
ที่คิดไปว่า เราตกหลุมรัก
และเลือกที่จะอยู่ในหลุมรักนั้นเอง
จนกว่าจะถอนตัวขึ้น


ความรักที่เราสามารถถอนตัวขึ้นได้นั้นไม่ใช่ความรัก
ไม่ใช่ความรักที่แท้จริง


เราค้นพบ ทักทาย และทำความรู้จักกับความรัก
ในขณะเดียวกัน เราก็ค้นพบ ทักทาย และทำความรู้จักกับตัวเองไปด้วย
เราได้ค้นพบ ได้รู้จักกับตัวตนของเราในส่วนที่ไม่เคยรู้ว่ามีอยู่


สมมุติว่าเรา ตกหลุมรักใครสักคนจริง
การตกหลุมรักนี้เกิดขึ้นก่อนหรือหลังการทำความรู้จักกับคนคนนั้น?
แล้วมันให้ความรู้สึกเหมือนการพลัดหล่นลง
ผ่านห้วงอากาศ จนตกกระทบพื้นด้านล่างหรือเปล่า?


หรือเราแค่ รู้ตัวว่ารักเฉยๆ


สมมุติว่าเราสามารถ ถอนตัวขึ้นจากหลุมรักใครสักคนจริง
แปลว่ามีคนฉุดเราขึ้นไป
หลุมนั้นตื้นขึ้นกว่าเดิม
หรือหลุมนั้นไม่เคยมีอยู่แต่แรก


หรือเราแค่ รู้ตัวว่าเลิกรักเฉยๆ


คนเราต้องเติบโตขึ้นเสมอไม่ว่าจะมีความรักหรือไม่
ส่วนหนึ่งของการเติบโต คือ
ต้อง ทำความรู้จักและ ทำความเข้าใจตัวเองให้มาก
ส่วนหนึ่งของการรู้จักและเข้าใจตัวเอง คือ
ต้องถอยออกมามองตัวเองให้ชัด
และเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลง
เกิดการ ยกระดับไปในทางที่ดีขึ้น
นั่นคือการเติบโต


เมื่อเราค้นพบ ทักทาย และทำความรู้จักกับคนรัก
ในขณะเดียวกัน เราก็ต้องค้นพบ ทักทาย และทำความรู้จักกับตัวเองเพิ่มขึ้นด้วย
ต้องถอยออกมามองตัวเองให้ชัด
มองตัวเองที่มีความรักให้ชัด
มองตัวเองที่มีคนรักให้ชัด
เราเติบโตไปในความรักนี้ได้ไหม
เราเติบโตไปกับคนรักคนนี้ได้ไหม


เมื่อใดที่คุณรู้สึกว่ากำลัง ตกหลุมรักจงรักต่อไปเรื่อยๆ ให้ดีที่สุด
และเมื่อใดที่คุณรู้สึกว่ากำลัง เติบโตไปในความรักจงรักษาความรักนั้นให้ดีที่สุด
เพราะนั่นคือคุณได้พบกับความรักที่แท้จริงของคุณแล้ว


หนอว่า ไม่ว่าจะเป็นใคร อายุเท่าไร
คนเรามีพื้นที่ให้เติบโตเสมอ
เติบโตทางความรู้สึก
เติบโตทางอารมณ์


เติบโต... ไปในความรัก


May everyone grow in love.
ขอให้ทุกคนมีความรักที่สวยงามค่ะ

แค่ปรากฏตัว

วัฒนธรรมการไม่มีแฟนของศิลปินไอดอลเกาหลี
เป็นที่รู้กันดีของผู้ที่ติดตามชื่นชอบ
ส่วนหนึ่งก็หวังจะให้เป็นอย่างนั้นจริงๆ
ส่วนหนึ่งก็หวังที่จะได้ยินอย่างนั้น
ว่าศิลปินไอดอลในใจของพวกเขา ไม่มีแฟน


ส่วนหนึ่งของการไม่มีแฟนนี้คือ ไม่มีแฟนจริงๆ
อีกส่วนหนึ่งคือ แอบมีแฟน


ต่อให้มีแฟนเป็นตัวเป็นตนจริง
วิถีชีวิตของศิลปินมักทำให้ยากต่อการรักษาความสัมพันธ์ไว้
ทำให้ท้ายที่สุดแล้ว...
ศิลปินไอดอลในใจของทุกคน ไม่มีแฟน


หนอจำบทสัมภาษณ์หนึ่งของศิลปินไอดอลรุ่นใหญ่คนหนึ่งได้
คุณคนนี้เขาบอกทางรายการว่ายังไม่มีแฟน
พิธีกรจึงถามสวนไปทันทีว่า แล้วผู้หญิงต้องยังไง?”


ที่ว่า ต้องยังไง?” นี่นอกเหนือจากสเป็คแล้ว
ยังกินความถึง ต้องมีอะไรบ้าง?” ด้วยนะคะ


โดยธรรมเนียมเกาหลีนั้น เวลาที่ชายหญิงแต่งงานกัน
ถ้าฝ่ายชายซื้อบ้าน ฝ่ายหญิงก็ต้องซื้อเฟอร์นิเจอร์
หมายความว่าทั้งสองฝ่ายต้อง เหมาะสมกันทางสถานะนั่นเอง


การถามถึง คุณสมบัติเหล่านี้ของพิธีกรจึงไม่น่าแปลกใจนัก
แล้วต้องทำยังไงล่ะ? ต้องทำยังไงบ้าง?” คือคำถาม
ไม่ต้องยังไงเลย แค่ปรากฏตัวเท่านั้นคือคำตอบ


และคุณคนนี้เขายังขยายความอีกว่า
ผมมีทุกอย่างแล้ว ชีวิตผมขาดแค่เธอคนนั้นมาเติมเต็ม
เธอไม่ต้องทำอะไรเลย ขอแค่ปรากฏตัวขึ้นสักทีเถอะ


ตั้งแต่ดูรายการสัมภาษณ์ของเกาหลีมา (นับจนถึง ณ เวลานั้น)
หนอไม่เคยได้ยินคำตอบแบบนั้นมาก่อนเลย
พิธีกรเองก็ดูจะพอใจกับคำตอบเสียด้วย


หนอว่าเป็นคำตอบที่น่ารักดีนะคะ
ติดที่ว่าถ้าพูดไปแล้วไม่รู้ว่าจะปรากฏตัวจริงหรือเปล่านี่สิ


คุณล่ะคะ รอการปรากฏตัวของใครอยู่หรือเปล่า?

March 22, 2013

ถึงคุณ... ในวันที่อ่อนแอ


หนอเชื่อว่าทุกคนเคยได้ยินเรื่องราวของคุณคนนี้กันนะคะ
คุณภัทราภรณ์ ทาทอง ที่ประสบอุบัติเหตุจนต้องตัดแขนขาขณะตั้งครรภ์
เธอและสามีได้เล่าเรื่องราวร้ายๆ ผ่านหลายรายการมาแล้ว


เพื่อนหนอเพิ่งได้มีโอกาสไปพบและสัมภาษณ์คุณภัทรค่ะ
เพราะทีมงานของเพื่อนกำลังทำ Project สำคัญ
ที่หนอไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ใน Blog นี้


เพื่อนหนอคนนี้ไม่ค่อยสะดวกเล่น Social Network เท่าไร
เลยอยากให้เอาข้อความนี้ยกมาให้คุณๆ ที่ติดตาม Blog นี้ได้อ่าน
นี่คือสิ่งที่เพื่อนหนออยากจะ Share กับทุกคนค่ะ

------------------------------

หากตอนนี้ใครกำลังท้อแท้ ขอให้ลองดูภาพนี้ ภาพคุณภัทร
ภาพของผู้หญิงที่โดนรถชนในขณะที่เธอท้องได้ 3 เดือน
เธอถูกตัดแขนและขา แต่ลูกเธอยังแข็งแรง
เธอเป็นผู้หญิงที่วิเศษมากๆ ค่ะ
เพราะทั้งๆ ที่ต้องมาเป็นแบบนี้ ไม่สมบูรณ์แบบนี้
แต่เธอกลับเป็นได้อะไรได้มากมาย
เธอเป็นได้ถึง 3 อย่างในเวลาเดียว
เธอ อยากเป็นทั้ง 3 อย่างในเวลาเดียว


1 เป็นภรรยาที่ดีที่สุดให้กับสามี
พยายามดูแลตัวเอง ไม่อยากเป็นภาระให้สามีต้องเหนื่อย


2 เป็นแม่ที่สมบูรณ์แบบให้กับลูกที่จะเกิดมา
เธอต้องการที่จะสมบูรณ์ทั้งกายใจ
เพื่อที่จะทำหน้าที่แม่ให้ได้ดีที่สุด
โดยไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา


3 เป็นคนที่มีหัวใจที่ยิ่งใหญ่
เข้าใจและยอมรับในสิ่งที่เจอ
มีความสุขกับสิ่งที่เป็น
และใช้สิ่งที่ เหลืออย่างคุ้มค่า
เพราะร่างกายที่ขาดหายต้องไม่ทำให้พลังใจขาดหายไปด้วย


ล่าสุดนี้คุณภัทรพยายามเก็บหอมรอมริบ
เก็บเงินเพื่อต่อเติมห้องใหม่หลังน้อยให้เจ้าตัวเล็ก
ขอให้ได้ดังที่หวังโดยเร็วนะคะ

------------------------------

เพื่อนหนอคนนี้บอกว่าอยากให้ Share สิ่งที่เขารู้สึกนี้
เพื่อให้ใครก็ตามที่อ่านได้รู้คุณค่าของตัวเองอย่างแท้จริง
หนอขอใช้คำว่า สังเกตคุณค่าของตัวเองก็แล้วกัน


คนเรามอง เห็น พบ เจอ แต่อาจไม่ทัน สังเกต
คุณค่าที่ต้องสังเกตนี้มีทั้ง
1 คุณค่าของตัวเอง และ 2 คุณค่าที่คนอื่นให้มา
ซึ่งเป็นสิ่งที่สังเกตยากทั้ง 2 ประการ
ยิ่งในวันที่คุณอ่อนแอแล้วด้วย
ยิ่งทำให้ง่ายเหลือเกินที่คุณจะตัดสินใจผิดๆ
เดินทางผิด กระทำผิด บั่นทอนสิ่งที่ เหลือ
ทั้งที่ควรจะยิ่งให้คุณค่ากับสิ่งนั้น


คุณๆ คิดเหมือนหนอไหมคะ?
หัวใจเล็กๆ ที่กล้าฮึดสู้กับชีวิตเป็นสิ่งที่น่านับถือ
นั่นคือหัวใจที่มีคุณค่า
และนั่นคือคุณค่าของตัวเอง
หัวใจเล็กๆ ที่ถูกประคับประคองด้วยหัวใจดวงอื่นๆ
นั่นคือหัวใจที่ต้องพึ่งพากัน สนับสนุนกัน
จะไม่มีทางเต้นเป็นปกติได้เลยหากมีหัวใจดวงใดดวงหนึ่งหายไป
และนั่นคือคุณค่าที่คนอื่นให้มา
คุณค่าที่ต้อง สังเกตและรับไว้เป็นพลังในการสู้ชีวิตต่อไป


ไม่ว่าคุณจะมีเท่าคนอื่นหรือไม่
แต่สิ่งที่คุณมีนั้นมีค่าเสมอนะคะ
และไม่ว่าคนรอบตัวคุณจะมีมากหรือน้อย
แต่สิ่งที่เขาเหล่านั้นให้มาก็มีค่าเสมอเช่นกัน


อยู่อย่างมีค่า
อยู่อย่างเห็นค่า
อยู่อย่างคุ้มค่า


ขอให้คุณ... ไม่มีวันที่อ่อนแอค่ะ