May 31, 2013

จากนรณฏฐ ถึงผู้อ่าน


สวัสดีค่ะ
3 เดือนแล้วนะคะที่หนอเขียน Blog นี้มา
และเท่าที่เขียนมา
แต่ละเดือนก็จะมี Style ของมันเอง
ซึ่งหนอก็บอกไม่ถูกว่าคืออะไร
ถ้าติดตามอ่านกันมาแต่แรก
ก็คงจะสังเกตเห็นถึงลักษณะเฉพาะที่ว่านี้บ้าง
หวังว่าคงจะมี Blog ที่ถูกใจไม่มากก็น้อยนะคะ


มีคนเคยถามว่าหนอเขียน Blog ประเภทไหน
หนอตอบไม่ถูก
บอกเขาไปว่าให้ลองมาอ่านเอง
ที่ตอบแบบนี้ไม่ใช่จะกวนประสาท
แต่เพราะสิ่งที่เขียนไปมันหลากหลายจริงๆ
มันไม่ใช่บันทึกประจำวัน
มันไม่ใช่นิยาย
มันเป็นอะไรก็ไม่รู้


ที่หนอเขียน Blog วันนี้ขึ้นมา
เพราะมีความรู้สึกแบบ...
มาคุยกันหน่อยไหม?”
ทั้งที่ Blog นี้ไม่ค่อยจะมีคนตอบหรอก
Comment ที่ได้ก็มีคนเดิมๆ อยู่ไม่กี่คนเท่านั้น
ถึงอย่างนั้นหนอก็ยังอยากจะคุยด้วยอยู่ดี
มันคงถึงเวลาแล้วเนอะ
หนออยากเขียนอะไรที่เป็นตัวเองให้อ่านยาวๆ


นี่ก็หมดไปอีกเดือน
พรุ่งนี้หนอก็คงเขียน Blog ในแบบใหม่
ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะออกมาในรูปแบบไหนแน่
เท่าที่คิดไว้คือคงไม่เขียนเป็นรายวัน
ลองเปลี่ยนดูบ้างท่าจะดี
หวังว่าคุณผู้อ่านจะยังคงติดตามกันต่อไป
แม้ว่ายอดอ่าน Blog ไม่เยอะ
แต่หนอก็รู้สึกขอบคุณมากที่เข้ามาอ่านกัน


หนอเป็นคนเขียนที่ไม่ชอบอ่านค่ะ
ถือว่าแปลกมากสำหรับคนชอบเขียน
แต่ประเด็นคือ...
หนอไม่เคย Label ตัวเองว่ารักการเขียนเลยนี่สิ
ความอยากเขียนมันมาเริ่มเอาตอน 3 เดือนที่แล้วนี้เอง
เพราะฉะนั้น หนอถือว่าหนอรู้น้อยมาก
ไม่ได้เป็นนักอ่านตัวยง
เลยไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นนักเขียนที่ดีได้


และเพราะว่าไม่ใช่นักอ่านตัวยง
หนอจึงเริ่มเขียนจากสิ่งที่รู้
จากเรื่องรอบๆ ตัว
ทั้งของตัวเอง
ของคนใกล้ชิด
บ้างก็จริงตามที่เป็นอยู่
บ้างก็แต่งเติมเพื่อให้ได้อรรถรส
แรกๆ หนอใช้พลังงานเยอะมาก


จากนั้นมา
ทุกอย่างก็ง่ายขึ้น
หนอใช้พลังงานในการเขียน Blog หนึ่งหนึ่งน้อยลง
ใช้เวลาคิดน้อยลง
คงเป็นผลจากการที่เขียน Blog ทุกวัน
ทุกอย่างมันลื่นไปหมด
ความคิดของหนอ
ถูกกลั่นออกมาเป็นตัวหนังสือได้ง่ายขึ้น


งานเขียนของหนอดูจะเติบโตขึ้นในแต่ละวัน
มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เสียจนหนอไม่กล้า
ย้อนกลับไปอ่านของวันแรกๆ เลยล่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า
เหมือนเวลาที่เราพูดถึง
ความน่าอับอายตอนมัธยมปลายน่ะนะ
ตัวตนในอดีตของเราไม่ได้แย่
แต่ก็ยังมีมุมให้ได้อายอยู่ดี
กับ Blog นี้ก็เป็นความรู้สึกประมาณนั้น


การเขียน Blog ให้อะไรหนอบ้างน่ะเหรอ?
ให้ความสงบ
ให้โอกาสเรียบเรียงความคิด
ให้หนอได้ทำความเข้าใจกับสิ่งรอบตัว
มันจัดระเบียบชีวิตหนอหลายอย่าง
หนอได้แสดงให้ทุกคนเห็นอีกมุมหนึ่ง
นอกเหนือจากผู้หญิงห้าวๆ ใน Twitter คนนั้น
ก็ได้แต่หวังว่าผู้อ่านที่ตามมาจาก Twitter จะไม่ผิดหวังกัน


ขอบคุณคุณผู้อ่านทุกท่านเลยนะคะ
ขอบคุณทุก Comment ที่นี่
และทุก Mention ทาง Twitter
หนอดีใจมากที่ได้รับ Feedback จากทุกท่าน
มันมีความหมายมากจริงๆ
หวังว่าสิ่งที่หนอเขียนจะสามารถจรรโลงโลกของทุกท่าน
ให้ความสุขให้ประโยชน์แก่ทุกท่านได้บ้างไม่มากก็น้อย
ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันค่ะ




--- หนอ - นรณฏฐ ---

May 30, 2013

เหตุผลของคนที่เดินจากไป


ในวันหนึ่งวันหนึ่ง
มีคนพบกันจากกันเป็นเรื่องปกติ

อะไรคือเหตุผลที่ใครบางคน
จะเดินจากที่ที่ตัวเองคุ้นเคยไป

บางที
เขาอาจจะมีที่ที่ต้องไป

บางที
เขาอาจจะแค่ไม่อยากอยู่ที่เดิมตรงนั้น

บางที
เขาอาจจะแค่ไม่อยากอยู่กับคนเดิมๆ ตรงนั้น

บางที
เขาอาจจะมีเหตุผลมากกว่านั้น

บางที
เขาก็อาจจะไม่รู้ถึงเหตุผลนั้น

บางที
เหตุผลที่ว่ามันไม่เคยมีอยู่เลยด้วยซ้ำ

แต่จะด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่
ทุกๆ วันจะต้องมีคนที่เดินจากไป

แล้วจะด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่
ทุกๆ วันจะต้องมีคนที่ยังรออยู่ที่เดิม

หวังว่าจะพบเหตุผลของคนที่เดินจากไปบ้าง
แต่ก็นั่นแล มันอาจจะไม่เคยมีอยู่

บางที
เขาอาจจะต้องนั่งคิดอยู่ที่เดิมตรงนั้น

บางที
เขาอาจจะต้องเดินไปคิดที่อื่น

บางที
เขาอาจจะพบเหตุผล

บางที
เขาอาจจะไม่พบเหตุผล

บางที
เขาอาจจะพบว่าเหตุผลที่ว่ามันไม่เคยมีอยู่

ไม่มีใครพบกันโดยบังเอิญ
ทุกอย่างล้วนเป็นโชคชะตากำหนด

ไม่มีใครจากกันโดยบังเอิญ
ทุกอย่างล้วนเป็นโชคชะตากำหนด

เพียงแต่ความไม่บังเอิญนั้น
ไม่อาจสามารถร้อยเรียงเป็นเหตุผลที่น่าฟังได้

โชคชะตากำหนดให้เธอเดินจากไป
เธอมีเหตุผลของเธอ

โชคชะตากำหนดให้ฉันรออยู่ที่เดิม
ฉันมีเหตุผลของฉัน

ถ้าเธอจะกลับมา
กลับมาบอกเหตุผลของคนที่เดินจากไป

ฉันก็จะรอฟัง
รอฟังอยู่ที่เดิม

May 29, 2013

นอนก้น


อย่าเขย่าสิ

มันอยู่นิ่งๆ ของมันมาได้ตั้งนาน

ทุกอย่างกำลังสงบ

ขวดโหลใบนี้วางอยู่บนชั้นสูงลิบ

จะได้ไม่มีใครมาแตะต้อง



อย่าเขย่าสิ

ฉันต้องการให้มันอยู่นิ่งๆ อย่างนั้น

ทุกอย่างจะได้สงบ

ฉันวางขวดโหลนี้ให้ไกลจากมือคน

ให้ไกลจากมือเธอ



อย่ากลับเข้ามาสิ

ฉันอยู่นิ่งๆ ของฉันมาได้ตั้งนาน

ชีวิตของฉันกำลังสงบ

หัวใจดวงนี้วางอยู่สูงลิบ

จะได้ไม่มีใครมาแตะต้อง



อย่ากลับเข้ามาสิ

ฉันต้องการอยู่นิ่งๆ อย่างนี้

ชีวิตของฉันจะได้สงบ

ฉันเก็บหัวใจนี้ให้ไกลจากมือคน

ให้ไกลจากมือเธอ



มันเคยฟุ้งตลบ บัดนี้นิ่งสงบลงแล้ว

ตกตะกอนลงแล้ว

ความคิดถึงของฉันกำลังนอนก้น

นอนก้นอยู่ในหัวใจดวงเดิมนี้

อย่ากลับมาทำให้มันฟุ้งตลบอีกเลย

May 28, 2013

สิ่งสมมุติที่เป็นจริง


วันนี้ฉันเดินผ่านร้านงอแง

ไม่หรอก ร้านนี้ไม่ได้ชื่องอแง

แต่เป็นร้านที่ฉันงอแงจะมากินให้ได้

วาเลนไทน์ปีนั้น

วางแผนกันดิบดี

แล้วก็มีงานด่วน

เลิกเสียเย็นย่ำ

กลัวไปไม่ทันนัด

อุตส่าห์จองโต๊ะได้

เราสองคนหงุดหงิดใส่กัน

ทั้งที่เราตั้งใจจะฉลองกัน

วันนั้นเรากินข้าวกันด้วยสีหน้าบูดบึ้ง

อาหารก็ดี

อะไรก็ดี

แต่อารมณ์ไม่ดี

แล้วมันเพื่ออะไร

ฉันถามตัวเองอยู่วันนี้

ทำไมฉันถึงได้ให้ความสำคัญกับวาเลนไทน์

ซึ่งเป็นเพียงสิ่งสมมุติ

สิ่งไม่จริง

ถึงจริง ก็จริงน้อยกว่าสิ่งตรงหน้า

สิ่งที่ฉันเรียกว่าคนรัก

ฉันให้ความสำคัญกับสิ่งสมมุติมากกว่าของจริงตรงหน้า

สุดท้ายมันก็ไม่จริงอีกต่อไป

ของจริงตรงหน้าไม่จริงแล้ว

เขาเปลี่ยนไปเป็นของจริงของคนอื่นแทน

แต่สิ่งสมมุติอย่างวาเลนไทน์กลับจริงเสียยิ่งกว่าจริง

วาเลนไทน์ที่ไม่มีเขาคนนั้น คือ ความจริงของวันนี้

May 27, 2013

เรากำลังจะหายดี


สิ่งหนึ่งที่คนเราต้องใช้ความพยายามมาก
ก็คือการพยายามใช้ชีวิตด้วยเหตุผล
ให้มากพอกับ หรือมากกว่าความรู้สึก

เป็นเรื่องยาก
ถ้าทุกเหตุผลบ่งชี้ว่าเราควรอยู่กับปัจจุบัน
แต่ทุกความรู้สึกเรายังติดอยู่กับอดีต

ทุกคนล้วนต้องผ่านความรู้สึกนี้
ไม่ช่วงใดก็ช่วงหนึ่งในชีวิต
ความรู้สึกที่อยากแก้ไขอดีต

แน่นอนว่าอดีตเป็นตัวสร้างปัจจุบัน
ปัจจุบันที่ดีของใครหลายคนมาจากอดีตที่เจ็บปวด
แต่จะดีแค่ไหนถ้าอดีตของใครเหล่านั้นดีกว่านี้

บางคนไม่ได้อยากแก้ไขอดีต
เพียงแต่ถอนตัวจากอดีตที่เจ็บปวดได้ช้า
หรือไม่ก็ถอนตัวได้เร็ว แต่เยียวยาบาดแผลได้ช้า

การเสียดายเวลาก็เป็นรูปแบบหนึ่ง
ของการติดอยู่กับอดีต
ซึ่งอาจจะทำลายปัจจุบัน

ยิ่งคิดเสียดายเวลา
บาดแผลของเราก็ยิ่งไม่หายสนิท
ที่เป็นแผลเป็นไปแล้ว ก็ยิ่งไม่มีวันจาง

อย่าไปนึกเลยว่าทำไมวันนั้นเราถึงได้เจ็บปวด
ว่าทำไมเราถึงไม่หาย ว่าทำไมเราถึงหายช้า
ว่าทำไมเราถึงไม่เอาเวลาไปทำอย่างอื่น

สิ่งสำคัญคือการอยู่กับปัจจุบัน
เมื่อเรามีปัจจุบันที่หายดี
อนาคตของเราก็จะดีตามไปเอง

อย่าไปนึกว่าเราเสียเวลาเยียวยาไปเท่าไร
ให้นึกแต่เพียงว่า เรากำลังจะหายดี
แค่นั้นพอ

May 26, 2013

ผักบุ้งลอยฟ้า


ทำไมผักบุ้งต้องลอยฟ้า
ผัดดีๆ วางลงในจาน
แค่นั้นไม่ได้หรือ
ต้องมาทำให้ตื่นเต้นกันด้วย
บางทีอาหารการกินนี่ก็ช่างไร้เหตุผล

ทำไมชีวิตเราถึงขึ้นๆ ลงๆ
ขอแบบเรียบๆ ไม่ต้องถึงกับดีมาก
แค่นั้นไม่ได้หรือ
ต้องมาทำให้ตื่นเต้นกันด้วย
บางทีโลกใบนี้ก็ช่างไร้เหตุผล

บางที แค่บางทีนะ
โชคชะตาก็เหมือนผักบุ้งลอยฟ้า
ถือจานยืนรออยู่ แต่ยืนผิดที่
ก็รับไม่ได้ ตกพื้น
อดไป น่าเสียดาย

บางที แค่บางทีนะ
โชคชะตาก็เหมือนจะนำเธอมาให้
ฉันเห็นเธอแล้ว แต่ยืนผิดที่
จึงรับเธอไม่ทัน คนอื่นรับไปแทน
อดได้รักเธอ น่าเสียดาย

May 25, 2013

ขีดเส้นใต้สองเส้น



เขียนชิดเส้นกั้นหน้า
ขีดเส้นใต้สองเส้น

ประโยคสัญลักษณ์ของฉันดูยืดยาวเกินจำเป็น
บวกลบคูณหารและอื่นๆ เต็มไปหมด
เปิดวงเล็บปิดวงเล็บก็หลายครั้ง
ต้องเริ่มแก้จากตรงไหนก่อน
เขียนๆ ลบๆ อยู่อย่างนั้น
จนแน่ใจว่ามันคงไม่ดีขึ้นกว่านี้

เขียนชิดเส้นกั้นหน้า
ขีดเส้นใต้สองเส้น

วิธีทำของฉันดูยุ่งยากเกินจำเป็น
ฉันเริ่มแก้สมการแบบมั่วๆ
ไม่ได้คิดว่ามันจะถูกด้วยซ้ำ
แก้จากตรงที่ง่ายๆ ที่สุด
ทำๆ แก้ๆ อยู่อย่างนั้น
จนแน่ใจว่ามันคงไม่ดีขึ้นกว่านี้

เขียนชิดเส้นกั้นหน้า
ขีดเส้นใต้สองเส้น

คำตอบของฉันดูน่าจะถูกนะ
ฉันไม่ค่อยมั่นใจเท่าไร
แต่มันต้องส่งแล้วสินะ
ประโยคสัญลักษณ์จะแค่ไหน
วิธีทำจะอย่างไร
สุดท้ายคำตอบมันต้องถูก

เขียนชิดเส้นกั้นหน้า
ขีดเส้นใต้สองเส้น

สมการชีวิตก็เช่นกัน
จะบรรจงเขียนประโยคสัญลักษณ์แค่ไหน
พยายามแสดงวิธีทำอย่างไร
เราต่างคาดหวังว่าคำตอบที่ได้มันจะถูก
แล้วเราก็ขีดเส้นใต้
ยื่นกระดาษคำตอบนั้นส่ง

เขียนชิดเส้นกั้นหน้า
ขีดเส้นใต้สองเส้น

สมการความรักก็เช่นกัน
จะบรรจงเขียนประโยคสัญลักษณ์แค่ไหน
พยายามแสดงวิธีทำอย่างไร
เราต่างคาดหวังว่าคำตอบสุดท้ายมันจะถูก
และจะถูกอย่างนี้ตลอดไป
แล้วเราก็ขีดเส้นใต้... ส่ง

May 24, 2013

คำตอบที่ถูกต้อง



โลกนี้มีคำถามที่ถูกต้องไหมนะ

เมื่อไรอะไรที่ไหนทำไมอย่างไร

วันนี้ผมออกมาทานข้าวนอกบ้าน

เนื่องในวันเกิด ไม่ได้หรูหรานัก

ผมตอบได้ครบไหมนะ

แล้วโลกนี้มีคำตอบที่ถูกต้องไหมนะ

ไม่สิ คำตอบที่ว่าไม่มีผิดถูกนี่นา

แต่สำหรับผมวันนี้

คำถามและคำตอบที่ว่ามาทั้งหมดไม่ได้สำคัญเลย

อาหารไม่ได้อร่อยเป็นพิเศษในวันเกิด

เมื่อไรอะไรที่ไหนทำไมอย่างไร ไม่มีความหมาย

ไม่มีความหมายเท่ากับ ใคร

ใครเป็นคำถามที่ถูกต้องที่สุด

ใครมากับผม...

ใครคนนั้นทำให้อาหารอร่อยเป็นพิเศษ

คำถามอื่นจึงไม่ได้สำคัญเลย

จะวันนี้หรือเมื่อไร

จะทานข้าวหรือทำอะไร

จะที่นี่หรือที่ไหน

จะวันเกิดหรือทำไม

จะไม่ได้หรูหราหรืออย่างไร

เธอมากับผม...

เธอคือ คำตอบ

เธอเป็นคำตอบที่ถูกต้องที่สุด

May 23, 2013

ความบังเอิญที่(น่า)รัก



หิว...

วันนั้นผมตัดสินใจลงไปซื้อขนม
ร้านตรงหัวมุมตึกมีขนมอร่อยมาก

ฝนตกปรอยๆ
อากาศช่างน่าซึมเศร้า

ผมเดินมาถึงหัวมุมตึก
ร้านปิด

ช่วยไม่ได้
ผมเดินเลี้ยวไปอีกซอย

ทางนี้ไม่ค่อยได้ผ่าน
มีร้านกาแฟเปิดใหม่ด้วย

ผมเดินเข้าไป
สั่งลาเต้ร้อนและขนม

ที่นั่งเต็ม
ทำอย่างไรดี

ผมรออาหารที่สั่งสักพัก
มีเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างๆ

นั่งด้วยกันไหมคะ
เธอเป็นใครกันนะ

เธอกำลังจัดข้าวของ
เพื่อให้ผมมีที่นั่ง

ท่าทีนั้นช่างดูโอบอ้อมอารี
จากนั้นเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก

ผมไม่ได้ถามชื่อเธอ
และปล่อยให้เธอลุกไป

นับจากวันนั้น
ผมก็ไปที่นั่นทุกวัน

ห้าปีมาแล้ว
เรายังคบกันดีอยู่

เธอเป็นเหมือนของขวัญในชีวิต
ชีวิตที่ไม่เคยมีโอกาสพิเศษใดใด

วันที่พอจะเรียกได้ว่าพิเศษ
ก็คือวันที่ผมพบเธอ

วันนั้นผมพบเธอโดยบังเอิญ
ที่ร้านกาแฟแห่งนั้น

ถ้าวันนั้นผมไม่หิว
ถ้าวันนั้นร้านขนมไม่ปิด

ถ้าวันนั้นผมไม่เดินเข้าร้านกาแฟ
ถ้าวันนั้นที่นั่งไม่เต็ม

วันนี้ผมก็คงจะไม่มีเธอ
เธอผู้เป็นของขวัญล้ำค่า

เธอ... ผู้เป็นความบังเอิญที่(น่า)รัก... ของผม