June 9, 2013

วันหนึ่ง หนึ่งวัน

วันหนึ่ง เมื่อไม่นานมานี้
หนอตื่นขึ้นมาพร้อมความรู้สึกใหม่ๆ
อย่างแรกที่ทำคือปิดแอร์
ลุกขึ้นมาได้ก็จัดหมอนข้าง
พับผ้าห่ม เก็บที่นอน

หนอเดินลงไปข้างล่าง
เปิดไฟในครัว
เปิดตู้เย็น หยิบกาแฟ
เสียบปลั๊กและเปิดทีวี
ดูข่าวไปพลาง ละเลียดกาแฟไปพลาง

ต้องออกจากบ้านสินะ
เตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว
ก็ไปโบกรถหน้าบ้าน
สองข้างทางดูปกติดี
หมาสองสามตัวเล่นกันอยู่ริมถนน

ฟุตปาธคนเต็มเชียว
กำลังพักกลางวันกันล่ะสิท่า
เดินช้าอย่างกับจะชมจันทร์
คนรีบๆ หน่อยต้องลงไปเดินบนถนน
พนักงานบริษัทนี่เขาไม่รีบกันหรือยังไงนะ

คุณป้าขอทานนั่งอยู่ที่พื้น
มีกระเป๋าถือสีดำวางอยู่ข้างหลัง
ดู Professional ดี
ขาดแค่เครื่องตอกบัตร
ก็จะนับเป็นอาชีพได้แล้ว

บันไดเลื่อนขึ้นบีทีเอสแน่นมาก
ไม่มีใครหลีกทาง
ไม่มีใครขยับ
ไม่มีใครมีน้ำใจ
ไม่มีใครใช้หัวคิด

ในขบวนบีทีเอสไม่ค่อยมีคน
แอร์เย็นฉ่ำ
เป็นความรู้สึกที่ดี
แม้ข้างนอกจะไม่ค่อยร้อนเท่าไร
ออกจะครึ้มเสียด้วยซ้ำ

ประตูเปิด
คุณยายคนหนึ่งเดินเข้ามา
ผู้ชายสองสามคนลุกให้นั่ง
อืม อย่างน้อยก็มีคนขยับ
อย่างน้อยก็มีคนมีน้ำใจ

มีอะไรเกิดขึ้นรอบตัวเรา
เยอะแยะไปหมด
เป็นเช่นนี้อยู่ทุกวัน
แต่หลายคนมักเลือกที่จะไม่รับรู้
หนอก็เป็นหนึ่งในหลายคนนั้น

เป็นเวลานานแล้ว
ที่หนอไม่เคยหยุดมองสิ่งรอบตัว
ตั้งแต่ตื่นนอน จนถึงเข้านอน
อย่างเดียวที่หนอหยุดมองมากที่สุด
ก็คือโทรศัพท์มือถือ

โลกที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือให้เล่น
ดูจะเป็นโลกที่มีรายละเอียดเยอะเสียจริง
รายละเอียดที่ไม่ได้เกี่ยวกับตัวเราเท่าไร
รายละเอียดที่ไม่ได้น่าสนใจเท่าไร
รายละเอียดของสังคม

หนอรู้สึกว่ารอบตัวมีแต่ปัญหา
การหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่น
มักเป็นทางออกที่ดีของหนอเสมอ
แต่หนอเลือกที่จะไม่หยิบมันขึ้นมา
แล้วเลือกมองปัญหารอบตัวแทน

จริงๆ แล้วมันก็สบายดีนะ
เมื่อเราอยู่กับโทรศัพท์มือถือน้อยลง
เราก็ได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น
เหมือนเป็นการคืนตัวเราสู่สังคม
คืนตัวเราสู่โลก

อากาศดี
ไม่สดใสเท่าไร เพราะไม่มีแดด
แต่อากาศดี
จนจะหมดวันแล้ว
แต่อากาศก็ยังดี

และ... หนึ่งวัน แบตก็ยังไม่ค่อยลดลงเลย

3 comments: