“ชั่วพริบตานั้น
วงแหวนโชคชะตาก็โอบล้อมทั้งคู่อย่างเงียบๆ
....................
พร้อมกับความทุกข์ทรมาน”
“From
this moment,
the
wheels of their fates begin to turn.
....................
quietly,
relentlessly, insanely.”
รู้สึกเหมือนเพิ่งเขียนถึงการ์ตูนเรื่องนี้ไป
ไม่นึกว่าตัวเองจะอยากเขียนเกี่ยวกับมันอีก
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน
อายุเท่าไร ทำอะไรอยู่
หนอคงหนีการ์ตูนเรื่องนี้ไม่พ้นจริงๆ
มันมีอิทธิพลต่อวิธีคิดของหนอพอสมควร
ทำให้หนอตั้งคำถามกับตัวเองและกับโลกอยู่เรื่อยๆ
ข้อความทั้งสองนี้มาจากเนื้อความตอนเดียวกัน
เป็นกระดาษหน้าที่กระทบจิตใจหนอ
ในฐานะผู้อ่านคนหนึ่งอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อตอนมัธยมต้นเคยสะดุดที่หน้านี้อย่างไร
อีกสิบกว่าปีผ่านไปก็สะดุดที่หน้านี้อย่างนั้น
แม้ว่าอาจจะเป็นด้วยต่างเหตุผลก็ตาม
สมัยก่อนหนอเปิดหน้านี้ค้างไว้
และเศร้าสะเทือนใจไปกับมัน
เพราะรู้จากโครงเรื่องว่าโชคชะตา
ของทั้งสองตัวละครไม่ได้จบดี
ไม่นานมานี้กลับมาอ่านใหม่
ทั้งยังหาเล่มภาษาอังกฤษมาอ่านด้วย
เพียงเพื่อต้องการจะเข้าใจฉากนี้ให้มากกว่าเดิม
โดยไม่ต้องพึ่งพาเพื่อนๆ
ที่รู้ภาษาญี่ปุ่น
หนอยังคงชะงักกับหน้าเดิม
เปิดค้างไว้
และเศร้าสะเทือนใจไปกับมันเหมือนเดิม
เพราะรู้จากประสบการณ์ว่าโชคชะตา
ของคนทั่วไปก็เป็นเช่นนี้
โชคชะตานำพาให้คนเราพบกัน
และนำพาให้แยกจากกัน
โดยที่ทั้งเขาและเราไม่สามารถล่วงรู้
ว่าจะพบจะจากกันอย่างไร
เมื่อไร
เป็นไปได้ว่าโชคชะตาได้กำหนดมาแล้ว
ตั้งแต่วันที่พบ
ให้คนเราทรมานอย่างแสนสาหัส
ในวันที่จาก
หนอสงสัยว่าวงแหวนโชคชะตามีอยู่จริงไหม
แล้วเคยได้โอบล้อมหนอไว้กับใครบ้างหรือเปล่า
การที่เราเดินไปพบกับใครสักคน
ตัดสินใจรับเขาไว้ในชีวิต
แล้วชั่วพริบตานั้น
ก็ตัดสินให้เราทุกข์ทรมาน...
ไปตลอดกาล
การที่วงแหวนโชคชะตาหมุนไปอย่าง
Quietly
(เงียบๆ)
Relentlessly
(ไม่ผ่อนปรน)
Insanely
(บ้าคลั่ง)
เป็นเนื้อความที่อ่านแล้วเจ็บปวด
คนที่ถูกมันโอบล้อมเอาไว้ก็ต้องเจ็บปวด
คำพูดที่ว่า
“โชคชะตาเล่นตลก”
ไม่เคยเป็นเรื่องตลกเลยสำหรับเจ้าของโชคชะตานั้น
วงแหวนโชคชะตาที่หมุนอยู่รอบตัว
โอบล้อมเราไว้กับคนอื่นๆ
โดยที่เราไม่อาจหลีกเลี่ยง
มักเล่นตลกกับเราโดยที่เราไม่อาจหลีกเลี่ยงเช่นกัน
อย่างเงียบๆ
... อย่างไม่ผ่อนปรน... อย่างบ้าคลั่ง...
เศร้า
ReplyDelete