April 1, 2016

London Episode 6: The Lion King

Nants ingonyama bakithi Ba-ba
Sithi hu ingonyama

คือเนื้อร้องของเพลงประกอบ
หนังเรื่องแรกที่หนอดูซ้ำ

ขอแม่ดูพากย์ไทย
ขอดูทุกเวอร์ชัน

จะให้ไปโรงเพชรรามา
โรงฉายควบที่ไหนก็ได้


ทีนี้ มาดูเวอร์ชั่นล่าสุดที่หนอได้กันบ้าง


ใช่แล้ว นี่คือละครเวที (มิวสิคัล) The Lion King

--------------------

วันนั้นเป็นวันเสาร์ ละครเวทีส่วนใหญ่มีเล่นกัน 2 รอบ เลยตั้งใจไว้ว่าต้องเก็บให้ได้ 2 เรื่องในวันเดียว จะไปทั้งทีต้องเอาให้คุ้ม

บ่ายวันเสาร์แรกของทริปนี้จึงเป็นเวลาของเรื่องต่อไปนี้... ละครเวทีเรื่องที่สองที่หนอได้ดูที่ West End... จากหนังเรื่องแรกที่เด็กคนหนึ่งเคยชอบจนไม่รู้จะชอบยังไงได้อีก...

ซื้อเทปเพลงประกอบมาฟังจนเทปยานแล้วยานอีก... ฉาก Can you feel the love tonight ก็จิ้นพระนางจนเขินแล้วเขินอีก... (ไม่ใช่รุ่นเราไม่เข้าใจหรอก... จริง ๆ นะ...)


Lyceum Theatre (เดิม) สร้างขึ้นเมื่อปี 1765 (อ่านไม่ผิดหรอก - 251 ปีมาแล้ว) ก่อนจะขยับมาอยู่ตรงที่ตั้งปัจจุบันเมื่อปี 1834 (ก็นานมาแล้วอยู่ดี) เป็นโรงละครขนาด 2,000 ที่นั่ง ซึ่งได้กลายมาเป็นบ้านของ The Lion King ตั้งแต่ปี 1999

หนอเลือกซื้อตั๋วใกล้เวที แต่วิวจำกัด (Restricted View) คือจะโดนบังนั่นเอง ว่าง่าย ๆ จะเสาบัง เวทีบัง อะไรบังก็แล้วแต่ อยากประหยัดเงินต้องไม่บ่นเนอะ

ในเว็บไซต์ขึ้นวิวจากที่นั่งว่าเป็นอย่างนี้
แต่ความจริงเอียงกว่านี้มาก
เห็นแค่ขอบหน้าผานั่น

ละครรอบบ่ายเล่นเวลา 14.30 น. รับบัตรได้ชั่วโมง-สองชั่วโมงก่อนหน้านั้น เปิดให้ผู้ชมเข้าไปในโรงราว 14.00 น. จะเข้าไปซื้อขนม-เครื่องดื่มอะไรก็ตามสะดวก (ทุกโรงละครจะมีบาร์ขนม-เครื่องดื่มไว้รองรับ) คิวเข้าห้องน้ำมักจะยาวมาก ควรจะเตรียมตัวและเผื่อเวลาดี ๆ ต้องดูว่าเรื่องไหนมีพักครึ่ง ไม่มีพักครึ่ง (เรื่องที่ไม่มีพักครึ่งจะแจ้งในตั๋ว และ/หรือแจ้งหน้าโรง)


สิ่งที่น่าสนใจมาก คือ ผู้ชม The Lion King ไม่ได้มีแค่เด็ก แต่กลับมีหมดทุกเพศทุกวัย คุณลุงคุณป้าควงคู่กันมาดูก็เยอะ ที่มาทั้งครอบครัวก็เยอะ (แต่กลับไม่มีเด็กร้องงอแง/โวยวายใด ๆ แม้แต่น้อย) จนโรงละครขนาดใหญ่ดูเล็กไปถนัดตา

พลังของนักแสดง ทั้งนักแสดงนำและตัวประกอบ ถือเป็นสิ่งที่น่าทึ่ง/น่าประทับใจที่สุด หนอเชื่อว่าผู้ชมส่วนใหญ่ (ถ้าไม่ใช่เด็กเล็ก) ต้องได้ดูหนังเวอร์ชั่นแรกมาแล้ว ดูมากี่รอบกันก็ไม่รู้ แต่สิ่งที่เห็นบนเวทีตรงหน้ากลับดูสดใหม่อยู่ตลอด ตรึงคนดูให้อยู่กับแต่ละฉากได้ดีเยี่ยม

การเต้นคอมเทมโพรารีดูจะเป็นวิธีสื่อสารหลักของนักแสดงต่อผู้ชม เราจะเห็นนักแสดงหน้าเดิม ๆ เปลี่ยนชุดเป็นตัวนั้นที ตัวนี้ที เดี๋ยวเป็นละมั่ง เดี๋ยวเป็นเสือ เดี๋ยวเป็นหญ้า (ไม่ได้โม้นะ นี่คืออยู่ใกล้จนเห็นหน้าคนที่เล่นเลยล่ะ)


พอถึงช่วงที่ซิมบา (ตัวเอก) โตเป็นผู้ใหญ่ ฉากแรกที่ตื่นตะลึงมากคือตอนที่นักแสดงเริ่มพูด เพราะเนื้อเสียงดีมาก ทั้งตอนที่ร้องเพลงและไม่ได้ร้องเพลง ทำให้คิดไปว่า นักแสดงตัวจริงคงต้องเป็นแบบนี้สินะ ไม่สิ นักแสดงที่ผ่าน "การฝึก" ของที่นี่ เป็นแบบนี้ทุกคน และนี่คืออีกเสน่ห์ของอังกฤษ... คุณภาพของนักแสดงน้อยใหญ่ (ดัง/ไม่ดัง)



นาลา ตัวเอกฝ่ายหญิง ก็เสียงเพราะไม่แพ้กัน เกิดเป็นความสมดุลระหว่างตัวละครแบบไม่ต้องพยายามมากมาย และทำให้ฉากที่ทั้งคู่ออกมาพร้อมกันน่าดูเป็นพิเศษ มาดูคลิปให้สัมภาษณ์ของเธอกันสักหน่อย...


ด้วยความที่นักแสดงทุกคนรับบทเป็นสิงสาราสัตว์ "การใช้ร่างกาย" จึงเป็นสิ่งสำคัญพอ ๆ กับ (หรือสำคัญมากกว่า) "การใช้พื้นที่เวที" จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าเครื่องแต่งกายและวิธีเคลื่อนไหวร่ายกายของแต่ละตัวละครถูกออกแบบและคำนวณมาอย่างละเอียดจริง ๆ

อย่างไรก็ตาม The Lion King ไม่ใช่มิวสิคัลที่จะดูซ้ำเรื่อย ๆ ได้เหมือนอีกหลายเรื่อง เพราะมีสิ่งที่เกิดขึ้นมาแรกสุดเป็นมาตรฐานค้ำคออยู่ การสร้างละครเวทีขึ้นตามหลังหนังที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่อุปสรรคโดยตรง แต่การสร้างละครเวทีขึ้นตามหลังหนัง "การ์ตูน" ที่ประสบความสำเร็จต่างหาก ที่ค่อนข้างเป็นปัญหา

การ์ตูนจะสร้างให้เหนือจริงยังไงก็ได้ และนั่นคือสิ่งที่ The Lion King ฉบับเล่นบนเวทีข้ามไม่พ้น ไม่ว่าโปรดักชันจะ "ว้าว" แค่ไหนก็ตาม แต่ก็นั่นล่ะนะ ถึงแม้จะสรุปได้อย่างนั้น หนอก็ยังอยากจะแนะนำให้คนที่มีโอกาสได้ไปดูสักครั้งอยู่ ไม่ว่าจะโปรดักชันไหนก็ตาม

เพราะความชอบในวัยเด็กมันวัดคุณค่ากันไม่ได้หรอก สิ่งที่ชอบก็คือชอบ สิ่งที่ต้องดูก็คือต้องดู จริงไหม?

4 comments:

  1. แต่ว้าวตอนดูคลิปแรกนะ เสียงดีเหมือนในการ์ตูนมาก ยีราฟใช่ เสือใช่. กวางก็ให้ความรู้สึกเสมือนจริงอยู่จริงๆ น่าสนุกอ่ะ

    ReplyDelete
    Replies
    1. ดูแล้วรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นติ่ง 5555

      Delete
  2. จริงอย่างที่หนอว่า เวอร์ชั่นการ์ตูนของ disney ทำไว้ดีมากจนไม่คิดว่าจะมีเวอร์ชั่นไหนๆมาแทนได้ ก็หวังว่าในชาตินี้จะมีโอกาสได้ดูละครเวทีเรื่องนี้บ้าง

    ReplyDelete
    Replies
    1. น่าจะมีโอกาสทัวร์หลายที่รอบโลก ของไทยเราต้องรอลุ้น ปีนี้ได้ข่าวว่าจะมีละครเวที "เชร็ค" ว่ะ 5555 เค้าอาจจะเลือกจากราคาโชว์ที่พอจะนำเข้าได้

      Delete