I'm going to take Further Maths next year. I'm going to pass it and get an A. And then in two years I'll take A-level physics and get an A. And then I'm going to go to university in another town. I can take Sandy and my books and my computer. I can live in a flat with a garden and a proper toilet. Then I'll get a First Class Honours Degree. Then I'll be a scientist. I can do these things.
I can because I went to London on my own.
I solved the mystery of Who Killed Wellington.
I found my mother. I was brave.
And I wrote a book.
Does that mean I can do anything?
Does that mean I can do anything?
ประโยคสุดท้ายของละครเวทีเรื่องนี้ตกค้างอยู่ในหัวหนอนานหลังจากที่ม่านปิดลง เหมือนเป็นหมัดน็อกปิดเกมที่พอเราฟื้นขึ้นมาก็ยังไม่รู้ว่าแพ้ได้ยังไง เหมือนประโยคตบหน้า เหมือนประโยคบอกเลิก เหมือนคนมาเขย่าตัวให้ตื่น เหมือนมีคนมาบอกว่า 'แกไม่ได้สวยหรอก แกแค่แต่งหน้าขึ้น' เหมือนอะไรสักอย่างที่รู้ว่าจริงแต่ไม่อยากฟัง เหมือนนั่งดูชีวิตตัวเองเล่นอยู่บนเวที ทั้งที่เราไม่เหมือนตัวละครตัวนั้นแม้แต่น้อย
หนอได้ยินชื่อ The Curious Incident of the Dog in the Night-Time มานานแล้ว รู้ว่ามีละครเวที รู้ว่าเป็นละครเวทีที่ได้รับรางวัลมากมายและได้ฟีดแบ็กที่ดีเยี่ยมจากผู้ชม หนออ่านบทความเกี่ยวกับละครเวทีเรื่องนี้แบบผ่าน ๆ อยู่หลายครั้ง ไม่เคยใส่ใจว่ามันเกี่ยวกับอะไรแน่ จนกระทั่งเพื่อนสนิทแนะนำว่าเที่ยวลอนดอนคราวนี้ให้แวะดูละครเวทีเรื่องนี้ด้วย ไม่สิ ไม่ใช่การแนะนำ มันบอกหนอว่า 'แกต้องไปดูให้ได้ เราชอบเวอร์ชันหนังสือมาก'
หนังสือ The Curious Incident of the Dog in the Night-Time ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2003 เล่าเรื่องผ่านตัวละครชื่อ คริสโตเฟอร์ เด็กหนุ่มวัย 15 ที่มีอาการ 'ออทิสซึม สเปกตรัม' (ความผิดปกติของการพัฒนาระบบประสาท) พูดแบบให้เห็นภาพชัดหน่อยก็คือ คริสโตเฟอร์เป็นออทิสติกอ่อน ๆ นั่นเอง
เย็นวันนั้นหนอเดินทางอย่างไม่รีบร้อนเท่าไร เพราะโรงละคร Gielgud Theatre ตั้งอยู่ติดกับ Apollo Theatre ที่เพิ่งมาดู Nell Gwynn ไปเมื่อวันก่อน การมีโรงละครตั้งอยู่ติด ๆ กันบนถนนเดียวทำให้การสัญจรไปมาของผู้คนในช่วงเย็น ๆ ดูคึกคักเป็นพิเศษ
เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่หนอซื้อบัตรตรงระเบียงชั้นบน ซึ่งราคาถูกกว่า (เป็นตั๋วลดราคาด้วยนะ ยิ่งถูกเข้าไปอีก เรียกว่ามาดูแบบไม่พยายามเลย เขาให้มาดูก็มา ให้นั่งตรงไหนก็เอา) พอถึงเวลาก็เดินขึ้นไปชั้นที่นั่งแบบชิล ๆ ที่จะรู้สึกกิ๊วก๊าวอยู่บ้างก็คือ คนตรวจตั๋วหล่อ นอกนั้นก็ชิลแหละ
วิวจากที่นั่ง
(ระเบียงที่บังอยู่คือบังจริง ๆ บังตลอดเวลา
มันถึงลดราคาไง ไม่มีใครอยากนั่งชะโงก ๆ ปะ)
The Curious Incident of the Dog in the Night-Time เปิดเรื่องมาที่ฉาก (ลองเดาซิ...) หมาตาย! เหมือนบนปกหนังสือหรือภาพโปรโมตที่เห็นกันนั่นแหละ หมาโดนสามง่ามทำสวนแทงตาย จากนั้นเจ้าของหมาก็โวยวาย กรีดร้องที่หมาตัวเองโดนฆ่า และกรีดร้องใส่เด็กบ้าที่เธอคิดว่าเป็นคนทำ
เด็กบ้าที่ว่าคือ คริสโตเฟอร์ ที่ก็สงสัยเรื่องการตายของหมา - เวลลิงตัน - ไม่แพ้เธอผู้เป็นเจ้าของ หลังจากที่เขาอธิบายกับตำรวจว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เขาก็มุ่งมั่นจะค้นหาความจริงต่อไป เริ่มต้นจากการสัมภาษณ์เพื่อนบ้านโดยรอบก่อน
ระหว่างการตามล่าหาความจริงของคริสโตเฟอร์ เส้นเรื่องที่ผุดขึ้นมาทับซ้อนกันก็คือ สถานะความสัมพันธ์ของสมาชิกในครอบครัว พ่อที่เมามาย แม่ที่ตายไป และเพื่อนบ้านตัวละครลับที่เป็นเจ้าของร่วมของหมาที่ตาย เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน หรือความจริงแล้วแม่ไม่ได้ตาย แต่เธอแค่หายตัวไป แล้วเธอหายตัวไปไหนกันแน่?
ถึงจุดนี้ กลายเป็นว่าคริสโตเฟอร์จำเป็นต้องตามล่าหาความจริงมากกว่า 1 เรื่องเสียแล้ว และทั้งหมดจะไม่ยากเย็นเลย ถ้าเขาไม่ได้มีความผิดปกติทางการแสดงออกและการเข้าสังคมแบบนี้ แต่สิ่งที่เขาเป็นนั้น 'ผิดปกติ' จริงหรือ?
It's a novel about how you live with other people.
It's about family. It's about love.
It's about how you articulate love.
It's about the importance of being honest.
It's about the difficulty of truthfulness.
- Simon Stephens (Playwright)
นอกจากความจริงเรื่องหมาและความจริงเรื่องแม่แล้ว คริสโตเฟอร์ยังต้องเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตของตนเองด้วย ว่าแต่ทำไมชีวิตถึงต้องยากและซับซ้อนนัก ทำไมเราต้องเรียนสิ่งนั้นสิ่งนี้ ในวันนั้นวันนี้ ภายในปีนั้นปีนี้ แล้วเราทุกคนจะเป็นนักบินอวกาศกันได้ไหมนะ แล้วเราจะพาสัตว์เลี้ยงขึ้นไปเที่ยวด้วยได้หรือเปล่า?
ตลอดทั้งเรื่อง ผู้ชมจะได้มองเห็นโลกผ่านสายตาของคริสโตเฟอร์ - เด็กออทิสติก - แล้วเข้าใจว่าความจริงว่าเราและเขาก็ไม่ต่างกัน สิ่งที่คริสโตเฟอร์ตั้งคำถามคือสิ่งที่น่าสงสัยจริง ๆ แม้จะประหลาดไปบ้าง แต่มันก็น่าสงสัยจริง ๆ นี่นา แล้วทำไมผู้คนต้องมองคริสโตเฟอร์แปลก ๆ ด้วยเล่า? การถามคำถามที่ไม่เหมือนใครนั้นผิดด้วยหรือ?
ในเมื่อเราทุกคนล้วน 'ผิดปกติ'
ในเมื่อเราทุกคนล้วนเป็นคริสโตเฟอร์
ในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต
หรืออาจจะตลอดเวลาด้วยซ้ำ
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของ The Curious Incident of the Dog in the Night-Time ก็คือ การใช้ร่างกายและการใช้พื้นที่บนเวทีของนักแสดงทุกคน ทั้งหมดถูกคำนวณและออกแบบมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ เป็นละครเวทีประเภทที่หนออยากลงนั่งพับเพียบหมอบกราบไปตลอดการแสดงเลยทีเดียว มันสุดยอดมากจริง ๆ
บนเวทีแคบ ๆ ก็ขึ้นลงบันไดเลื่อนได้นะคุณ
It relates to lot of us all of the time, I think,
we all spend many hours of our life feeling perplexed
by why other people behaving
in the way that they're behaving.
- Marianne Elliott (Director)
ที่สุดแล้ว เราทุกคนต่างก็วุ่นวายใจเพราะสังคมไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องเป็นเด็กออทิสติกหรือคนมีปัญหาอะไรหรอก ใคร ๆ ก็มีปัญหากับครอบครัวได้ ใคร ๆ ก็ไม่เข้าใจกันได้ ใคร ๆ ก็พูดแล้วเข้าใจไม่ตรงกันได้ ใคร ๆ ก็มีปัญหากับการขึ้นรถลงเรือและป้ายบอกทางได้เหมือน ๆ กัน
ในเมื่อเราทุกคนล้วน 'ปกติ'
ในเมื่อเราทุกคนล้วนเป็นคริสโตเฟอร์
ในเมื่อชีวิตเราทุกคนต่างมีขั้นมีตอน
เรียนจบ เข้ามหา'ลัย ทำงาน และตามความฝัน
เราทำทั้งหมดนี้สำเร็จแล้ว แปลว่าเราจะทำอะไรก็สำเร็จได้ใช่ไหม?
------------------------------
The Curious Incident of the Dog in the Night-Time มีกำหนดเล่นที่โรงละคร Gielgud Theatre ใกล้สถานี Piccadilly Circus ไปจนถึงต้นเดือนมกราคมปี 2017 เรตอายุผู้ชมอยู่ที่ 11+ ราคาตั๋วเริ่มต้นที่ 18 ปอนด์
เรื่องนี้น่าดูแหะ
ReplyDeleteอันนี้คือกราบหัวใจ ใครเที่ยวอังกฤษขอให้แวะดูเถอะ ที่สุดของแจ้
Delete