November 23, 2014

คราบ

คราบกาแฟ | คราบลิปสติก | คราบความทรงจำ
เราไม่เคยเลิกชอบเธอหรอก
เราแค่พยายามลืมๆ มันไปเท่านั้นเอง

November 7, 2014

ผู้หญิงที่ขายออก

ข้อความจากไลน์กรุ๊ปหนึ่งที่หนอดันถูกรวมเข้าไปอยู่
มีช่วงที่สาวๆ พากันออกความเห็นเรื่องการแต่งงาน
และมีข้อความประมาณนี้โพล่งขึ้นมาด้วย
"กูต้องแต่งงานก่อน 30 ให้ได้ นี่เหลือเวลา 1 ปี"

เออ บีบคั้นตัวเองดีเนอะ 555
เพื่อนส่วนใหญ่ที่เรียนรุ่นหนอเกิด 2528 กันน่ะ
ส่วนหนอเกิด 2529 ช่วงต้นปี
ซึ่งก็ไม่ได้รู้สึกว่าเด็กกว่า เออดี เหลือ 2 ปี อะไรแบบนั้นนะ

เพียงแต่หนอแค่ไม่เข้าใจว่าทำไม
ผู้หญิงทุกคนถึงพยายามเสียเหลือเกิน
ที่จะต้องเป็น "ผู้หญิงที่ขายออก" ก่อนหมดเวลา
เหมือนกับว่าเรากำลังพูดถึง "ของหมดอายุ" ยังไงยังงั้น

หลายครั้งที่คนเราดูละครทีวี อ่านกระทู้พันทิป
แล้วก็วิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา
ว่าสังคมมันแหลกเหลวยังงั้นยังงี้
สถาบันครอบครัวไม่เข้มแข็งเหมือนเมื่อก่อน

จริงอยู่ ที่สังคมเรามันเปราะบาง
ทุกอย่างรวดเร็ว
ความผิดเล็กใหญ่ล้วนถูกแค็ปหน้าจอ
มาประจานออกอากาศกันง่ายๆ

แต่จะมีใครคิดบ้างไหมว่า
วัฒนธรรมฉาบฉวยเหล่านี้
ก็ล้วนเป็นผลมาจากความคิดฉาบฉวย
อย่างการเร่งรัดอายุแต่งงานแบบนี้นั่นแหละ

ทำไมคนเราถึงเลือกขีดเส้นตายกับความรู้สึก
กับความพร้อม
กับความมั่นคง
ทั้งที่ในโลกนี้ไม่มีใครกำหนดสิ่งเหล่านี้ได้

และผลพวงจากความพยายามจะรู้สึก
ความไม่พร้อม
ความไม่มั่นคงนี่แหละ
ที่จะร่วมสร้างสังคมที่แหลกเหลวและเปราะบาง

เราจะมีสามีภรรยาที่ไม่พร้อม พ่อแม่ที่ไม่พร้อม
ทั้งความจิตใจ เงินทอง และปัจจัยอื่นๆ อีกกี่คู่?
แล้วเขาจะอยู่กันรอดไหม?
แล้วเด็กจะเป็นยังไง?

หนอไม่อยากพูดว่า
"เด็กที่บ้านแตกสาแหรกขาดมีปัญหา" เสมอไปหรอกนะ
หนอเองก็บ้านแตกสาแหรกขาด
และมีความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ไม่เหมือนคนปกติเท่าไร

และนั่นก็ทำให้หนอไม่ได้รู้สึกว่าควรต้องเร่งรัด
หรือบีบคั้นความรู้สึกใดๆ ของตัวเองให้เป็นไปตามเวลา
ซึ่งนั่นอาจจะเป็นผลพวงของสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต
นั่นอาจจะเป็นความผิดแปลกของหนอเอง

ถึงยังไงก็ตาม หนอไม่เห็นว่าความสุขของคนเรา
ควรถูกกำหนดด้วย "มือที่มองไม่เห็น" เหล่านี้
มันไม่ใช่เศรษฐศาสตร์ ไม่ใช่กลไกตลาด
และไม่ใช่การขายออกหรือไม่ออก

เอ้า ถ้าอยากจะมองแบบ "ขายออก-ขายไม่ออก" ก็ได้อยู่
แต่ทีนี้ เคยได้มาคิดต่อไหมว่าคนที่ขายออกไปน่ะ
"กำไร" หรือ "ขาดทุน"
แล้วมันจะวัดได้จากอะไร?

ก็นั่นแหละนะ มันวัดไม่ได้หรอก
คุณไม่รู้หรอกว่าตอนคุณอายุ 30 คุณจะอยู่กับผู้ชายแบบไหน
แล้วถ้าคุณรีบร้อนแต่งงานไปแล้ว
คุณจะพลาดโอกาสเจอกับคนดีๆ ตอนอายุ 31-32 รึเปล่า

จริงสิ ถ้าคู่กันแล้วก็ต้องไม่แคล้วกันนี่นา
เราถูกปลูกฝังกันอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กๆ
ซึ่งหนอก็ไม่รู้หรอกว่าจริงไหม
และระบบเนื้อคู่นั้นทำงานยังไง

แต่เท่าที่หนอรู้คือคนที่แต่งงานเพราะกลัวอายุเกิน
ไม่ได้แต่งงานเพราะรากฐานที่ชีวิตคู่ควรมี
และคนที่ปล่อยให้แฟนมาบงการเรื่องแต่งงานเพราะกลัวอายุเกิน
ก็ไม่ใช่คู่ที่แท้ ที่คู่ควร แม้แต่น้อย

หนอไม่ได้กำลังบอกว่า
สังคมเราต้องการคู่ที่พร้อมสุดๆ เท่านั้น
ที่แต่งงานตอนแก่เท่านั้น
ที่มีลูกเมื่อรวยเท่านั้น

แต่หนอกำลังบอกว่า
สังคมเราต้องการ
"สติสัมปชัญญะ" และ
"วุฒิภาวะ" มากกว่า

หนอคิดว่าตรรกะเส้นตายนี้ควรถูกลบล้างไป
และผู้คนควรเคารพตัวเองกันมากกว่านี้
อย่าให้กระแสสังคมหรือแรงกดดันจากคนอื่น
มาทำให้ชีวิตของคุณต้องเป็นไปตามที่พวกเขาอยากเห็น

อย่าอยากเป็น "คนที่ขายออก" เพียงอย่างเดียว
เพราะชาวบ้านเขาจะมาอยากรับรู้กันจริงๆ ก็แค่ตอนซื้อขาย
แต่เบื้องหลังของ "คนที่ซื้อ" คุณเป็นอย่างไร
ต้องใช้ทั้งชีวิตเป็นเครื่องพิสูจน์

พร้อมจะแลกความสุขกับ "การขายออก" กันแล้วเหรอ?

รูโรนิเคนชิน 3 - ปิดฉากตำนาน


แล้วรูโรนิเคนชินก็จบลงไปทั้ง 3 ภาค
ในไทยเราถือว่าไม่ดีเลย์จากญี่ปุ่นเท่าไร
เดือนสองเดือน
เรียกว่าดีเลย์แบบไม่น่าเกลียด

ไม่รู้ว่าหนังเรื่องนี้มีความหมายกับแฟนๆ คนอื่นมากแค่ไหน
แต่สำหรับหนอ
'ซามูไรพเนจร' คือการ์ตูนเล่มชุดแรกและชุดเดียว
ที่ซื้อเก็บจนครบ 28 เล่ม

แน่นอนว่าตั้งแต่ภาคแรกมาทีมงานทำได้ดี
จนเกินความคาดหมายแฟนๆ
และเสียงตอบรับที่ดีก็เกินความคาดหมายทีมงานด้วยเช่นกัน
จนกระทั่งมีภาค 2.1 และ 2.2 หรือที่เรียกง่ายๆ ว่าภาค 3

จากหนังทั้ง 3 ส่วนนี้ทำให้เห็นความตั้งใจอย่างหนึ่ง
ที่ต้องการให้ 'ฮิมุระ เคนชิน' มีความเป็นคน
มากกว่าเวอร์ชันอื่นๆ (ซึ่งก็มีแต่แอนิเมะ)
และแสดงความรู้สึกแบบที่ทีมงานตีความ

สำหรับหนอ ที่คิดว่าดูมาแทบจะทุกเวอร์ชันแล้ว
ขอบอกว่า เดาเนื้อเรื่องหนังเรื่องนี้ไม่ได้เลย
และระหว่างดูก็ลุ้นไปตลอดว่า
'มันจะผูกเรื่องยังไงต่อหว่า?'

การย่อเรื่องจากการ์ตูน 28 ตอน
หรือจากแอนิเมะ 95-96 ตอน
มาเป็นหนัง 3 ภาค ไม่ใช่เรื่องง่าย
และหลายช่วงหลายตอนไม่ได้ถูกนำเสนอ

จากที่อ่านสัมภาษณ์อาจารย์โนบุฮิโระ วัตสึกิ คนเขียน
หนอเข้าใจเอาว่าอาจารย์อยากนำเสนอ
เรื่องประมาณนี้ด้วยเหมือนกัน
ทั้งการสร้างแอนิเมะและการเขียนการ์ตูนเวอร์ชันใหม่

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
'ยูกิชิโระ โทโมเอะ' ภรรยาเก่าของเคนชิน
ถูกพูดถึงน้อยลงเรื่อยๆ จนมาในหนังคนแสดง
ที่เหลือเพียงแผ่นหลังยามร้องไห้เพียง 1 ซีนเท่านั้น

โทโมเอะ เป็นตัวละครที่หนอชอบที่สุด
แต่ก็ไม่เชิงว่าจะทำให้หนอผิดหวังกับหนังหรอกนะ
หนอทำใจมาตั้งแต่ดูแอนิเมะแล้ว
และอีกอย่าง แฟนๆ คงอยากเห็นคู่ 'เคนชิน-คาโอรุ' มากกว่า


ซึ่ง...
ก็จะได้เห็น
และได้เห็นยิ่งไปกว่า
Deleted Scene หลังจากแอนิเมะ Episode 95 ด้วย


หนอว่าทีมงานจงใจใส่ 'ความเป็นคน'
และ 'ความเป็นคนรัก' ให้เคนชิน
เพื่อให้แฟนๆ ได้เห็นในมุมที่อยากเห็นเต็มที่
โดยเฉพาะความพีคในซีน 'ขอแต่งงาน' ที่เรียกเสียงฮือฮาจากทั้งโรง

คือมันน่าแปลกไหมล่ะ
เราเห็นทั้งสองคนแต่งงานมีลูก
ในแอนิเมะเวอร์ชันต่างๆ
แต่ยังไม่มีใครเคยเห็นเคนชินขอแต่งงานเลย!

มันไม่ได้เปลี่ยนโทนของการ์ตูนหรอกนะ
มันเป็นความพยายามทำให้ถูกใจแฟนๆ มากกว่า
และสำหรับหนอ ฉากบู๊และดนตรีประกอบก็มากเพียงพอแล้ว
ที่จะทำให้อยากเชิญชวนทุกคนเข้าไปดู

ถ้าจะมองข้ามเลือดปลอมที่แดงจัดจนเกินไป
และความน่ารำคาญ/ความเป็นการ์ตู๊นการ์ตูนของซาโนะสุเกะไปได้
หนังเรื่องนี้ถือว่า Smooth มาก
ดูได้อย่างคุ้มเงิน แม้คุณจะไม่ใช่แฟนซามูไรพเนจรก็ตาม

----------

สรุปใหม่แบบ ณ วันนี้เลยดีกว่า

ภาค 1 หนอให้ 9 เต็ม 10
ภาค 2 หนอให้ 8 เต็ม 10
ภาค 3 หนอให้ 8.5 เต็ม 10

(นี่เรียกว่าปล่อยคะแนนแล้วนะ 555)


November 5, 2014

ความฝันยิ่งใหญ่ของใครคนหนึ่ง

เมื่อปลายเดือนที่แล้ว
หนอไปเรียนชงกาแฟมาค่ะ
เวลาเรียนสั้นมาก แค่หนึ่งวันเต็มเอง
เรียนการชงและการเปิดร้านกาแฟคร่าวๆ

ร้านกาแฟตามหลักสูตรที่ว่านี่
ไม่ใช่ร้านชิคๆ ที่คนชอบไปถ่ายรูป
กินกาแฟพร้อมบรรยากาศ
หรูหราอะไรขนาดนั้นนะคะ

นึกถึงร้านหน้ามหา'ลัย
ร้านในที่ชุมชน
ที่มีให้เลือกทุกเมนูน่ะ - ร้อน เย็น ปั่น
ไม่คำนึงถึงความหรูหราเท่าไร

ที่หนอไปเพราะความอยากรู้ล้วนๆ
ไม่ได้คิดอยากจะเปิดร้านอะไรเลย
แต่คนอื่นรอบตัวหนอเข้ามาจดเล็กเชอร์อย่างตั้งใจ
ทั้งที่หลายคนดูไม่เคยดื่มเครื่องดื่มแบบนี้ด้วยซ้ำ

มีคุณน้าท่านหนึ่ง
ตั้งใจจดแทบทุกตัวอักษร
ทั้งที่ในตำราเรียนก็มีเขียนไว้
และจะยกมือถามสิ่งที่ครูเพิ่งพูดไปตลอดเวลา

ทั้งหมดนี้ทำให้หนอเข้าใจว่า
คนส่วนใหญ่เลือกที่จะเข้าคลาสเหล่านี้
เพื่อนำไปประกอบอาชีพจริงๆ
โดยไม่เกี่ยวโยงกับความสนใจและความชอบเลย

อะไรทำให้คนเหล่านี้ตัดสินใจแบบนี้กันนะ?
ความฝันเหรอ? แต่เขาฝันว่าอะไรกัน?
ฝันว่าอยากมีร้านกาแฟ?
หรือฝันแค่ว่าอยากมีธุรกิจที่ไปได้ดี?

หนอ... ในฐานะคนที่ไม่มี passion คนหนึ่ง
และไร้ทิศทางมาตั้งแต่เด็กจนโต
มองเห็นความไร้ทิศทางเหล่านี้
แล้วก็ได้แต่สงสัย

หนอรู้ว่าไม่ใช่ทุกคนจะรู้ตัวว่าอยากทำอะไร
แต่อย่างน้อยๆ
สิ่งที่คนเราจะทำได้ดี
ควรเริ่มจากสิ่งที่สนใจก่อน

สำหรับคนที่จะวางแผนอะไรสักอย่าง
คิดดูให้ดีก่อนนะคะ
การเสี่ยงทำความฝันให้เป็นจริง
เป็นเรื่องที่ควรทำก็จริง

แต่การค้นหาความฝัน
ให้รู้ว่าตัวเราต้องการอะไรก็สำคัญไม่แพ้กัน
อย่าคิดแต่ว่าจะทำตามกระแส
เพราะมันง่าย มันถูก และมันน่าจะดี

ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ ทั้งนั้น
ความรัก ความฝัน ความสำเร็จ
ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม
ขอให้ทุกคนโชคดีกับความฝันนะคะ ^^

แก่ อ้วน น่าเกลียด

"หนอๆๆ กูเจอแฟนเก่ามึงที่หอกลาง...
ท่าทางดูประหลาดมาก
ไม่เหมือนสมัยก่อนเลยอะ
แก่ลงด้วย อ้วนขึ้นด้วย
ดูน่าเกลียดไปเลย"

นั่นเป็นเสียงตามสายจากเพื่อนสนิท
แน่นอนว่าต้องอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่สมัยเรียน
ถึงได้รู้ "สภาพ" สมัยก่อนของแฟนเก่าหนอเป็นอย่างดี
และถึงได้รู้ว่าบุคคลที่ว่านั้นเปลี่ยนไปมากขนาดไหน
และการเปลี่ยนไปเช่นนี้น่าตกใจขนาดไหน

หนอว่าหลายคนน่าจะเคยอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
ที่ต้องมาเจอเพื่อนเก่าเพื่อนแก่
คนคุ้นเคย-คนเคยคุ้นทั้งหลาย
แล้วก็ได้แต่ตกใจที่พวกเขาเปลี่ยนไปมาก
ทั้งที่เวลาผ่านไปไม่นาน

หนอไม่ได้เจอแฟนเก่าคนที่เพื่อนพูดถึงนี่นานแล้ว
นานจนไม่ได้นึกใส่ใจ
แต่ก็พอจะนึกออกว่าไลฟ์สไตล์คนเรา
สามารถทำให้รูปลักษณ์เปลี่ยนไปได้
แม้จะเป็นเวลาเพียงไม่นาน

หนอเองตั้งแต่ทำงานข่าวมา
ก็ไม่ได้ออกกำลังกายเลย
รู้สึกอ่อนแอลงเยอะ
แต่น้ำหนักขึ้นมาไม่มาก
ซึ่งหน้าตาก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไร

หลายคนอายุมากขึ้น
ปล่อยตัวมากขึ้น
กิจกรรมน้อยลง
การเผาผลาญน้อยลง
ก็แน่อยู่ล่ะ ว่าต้องดูแก่ ดูอ้วน

ทีนี้ หนอได้อะไรจากเรื่องทั้งหมด?

ในช่วงเดียวกับที่เพื่อนคนนี้โทร.หา
หนอก็ได้รับรู้ความเป็นไปของ
"ชายคนหนึ่ง"
ที่อยากจะเรียกว่าเพื่อน ว่ากิ๊ก ก็ตามสบาย
เอาเป็นว่ามีช่วงหนึ่งที่คนคนนี้มีผลต่อจิตใจ

น่าแปลกที่ความรู้สึกแรกที่เห็นรูปปัจจุบันของเขา
ไม่ต่างจากสิ่งที่เพื่อนสนิทพูดถึงแฟนเก่าเลย
แก่ อ้วน น่าเกลียดไปเยอะ
กาลเวลานี่ช่างร้ายกาจ
ทำร้ายคนสภาพดีๆ ให้แย่ลงแบบไม่น่าเชื่อ

หนอไม่ได้เจอคนคนนี้มาได้สัก 1 ปีเอง
แต่เขาก็เปลี่ยนไปมาก
หรือจริงๆ เขาก็อาจจะเปลี่ยนของเขาอยู่ทุกปีแหละ
หนอแค่ผ่านมาในชีวิตเขาช่วงสั้นๆ
บอกอะไรไม่ได้

ทั้งหมดนี้ทำให้หนอคิดได้อย่างหนึ่ง
การที่ได้เห็นแฟนเก่า กิ๊กเก่า แก่ อ้วน น่าเกลียด
ทำให้หนอเข้าใจความรักมากขึ้น
และก็ทำให้หนอมองหา
สิ่งที่ต้องการได้ชัดเจนขึ้นเช่นกัน

เขาคงไม่ดูแก่ ไม่ดูอ้วน ไม่ดูน่าเกลียด
ถ้าหนอยัง (อยู่ในสภาวะ) รักเขา
หรือต่อให้เขาแก่ อ้วน น่าเกลียด
แต่ถ้าหนอเป็นคนรักที่อยู่ข้างๆ เขา
สิ่งเหล่านั้นก็คงไม่มีความสำคัญ

คนเราคงเกิดมาเพื่อหาคนที่จะแก่ไปด้วยกัน
อ้วนไปด้วยกัน
น่าเกลียดไปด้วยกัน
แต่ยังคงน่ารักสำหรับกันและกันเสมอ
ใช่ไหม?

ก่อนหน้านี้หนอก็เคยคิดนะ

บางคนที่เราเจอหน้าตาธรรมด๊าธรรมดา
กลับมีรอยยิ้มที่มีผลต่อเรามากมาย
บางคนหน้าตาดี๊ดี
แต่แค่ต้องอยู่ใกล้ๆ ยังไม่อยาก
ของอย่างนี้ไม่เข้าใครออกใครจริงๆ

หนอว่า...
กับคนที่เราชอบ
เสียงตัดพ้อต่อว่ายังไงก็น่าฟัง
กับคนที่เราไม่ชอบ
เสียงหัวเราะสดใสยังไงก็น่ารำคาญ

และเมื่อเรามองคนที่ชอบแล้ว
ต่อให้เขาจะประหลาด
จะเด๋อด๋ายังไงก็ตาม
คนเหล่านี้จะน่าเอ็นดูเสมอในสายตาเรา
และเราก็จะอยากจ้องมองเขาไปนานๆ

ซึ่งบางทีปัญหามันอยู่ตรงนี้
ตอนรักกันมองอะไรก็ดี
พอเลิกกันทีมองอะไรก็แย่
แต่ก็นั่นแหละนะ
เราคงต้องหาจนกว่าจะเจอ

คนที่จะแก่ จะอ้วน จะน่าเกลียด
แต่ก็ยังเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเรา
และคนที่จะมองเราแก่ เราอ้วน เราน่าเกลียด
แต่ก็ยังเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเขา
จริงไหมล่ะ?