ลอนดอนเป็นเมืองที่การเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์และการเข้าชมละครเวทีเป็นวัฒนธรรมที่เข้มแข็งหรือยังไงไม่ทราบ แต่หนอรู้สึกว่าวิถีการดูหนังของเขาไม่ค่อย "เร้าใจ" เท่าที่เมืองไทย โรงก็น้อย รอบก็น้อย หนังก็น้อย
หลังจากที่ดู High-Rise รอบพิเศษไปที่ Picturehouse Central หนอตัดสินใจลองเดินสำรวจโรงหนังในละแวกเดียวกันดู เผื่อจะได้มีประสบการณ์ดูหนังในโรงบ้านเขาอีกเรื่องสองเรื่อง
สิ่งที่ประทับใจจากเมื่อตอนที่ดู High-Rise ก็คือ การส่ง QR Code มาทางอีเมลตั้งแต่ตอนที่จอง ซึ่งเราจะพิมพ์อีเมลออกมาเพื่อนำไปยืนยันหรือจะแค่โชว์ Code ในมือถือให้เขาดูก็ได้ และเมื่อไปถึงหน้าโรงแล้ว เราจะไปขอให้เขาปรินต์ตั๋วออกมาหรือโชว์มือถือให้พนักงานดูเฉย ๆ ก็ได้ ง่ายสุด ๆ สะดวกสุด ๆ ไม่ต้องต่อคิว ไม่ต้องยุ่งยาก ไม่เสียเวลาเท่าที่เมืองไทย
วันนั้นเป็นวันธรรมดา Leicester Square ดูเหงา ๆ เหมือนว่าจะมีแต่นักท่องเที่ยวมาเดินเล่น และแม้ว่าแถวนั้นจะมีโรงหนังอยู่หลายเครือ แต่ผู้คนก็เลือกที่จะเดินผ่านไปผ่านมาหรือนั่งพักดื่มอะไรร้อน ๆ ริมทางเสียมากกว่า
หนอเดินเข้าโรงหนัง Empire เพื่อไปสอบถามรอบฉายประจำวัน ที่เคาน์เตอร์ขายตั๋วนั้นมีพนักงานยืนอยู่ 1 คน เป็นผู้หญิงร่างสูงใหญ่ ผมสั้นสีบลอนด์ (อารมณ์ "เกวนโดลิน คริสตี" อะ) หน้าตาเธอเหมือนจะยิ้มแย้ม ไม่รู้สิ บางทีดูจากไกล ๆ ก็เดาไม่ถูกหรอกว่าคนคนหนึ่งจะพูดจาดีหรือเปล่า
ทันทีที่หนอก้าวพ้นประตู เธอคนนั้นกล่าวทักทายและยิ้มกว้างให้อย่างอารมณ์ดี ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังอธิบายเพิ่มเติมด้วยว่า เธอเพิ่งดื่มกาแฟเข้าไป เพื่อที่จะเริ่มต้นวันอย่างกระฉับกระเฉง "ไม่ดื่มกาแฟนี่ทำงานแทบไม่ได้เลยนะคะ" เธอพูดขึ้น "จริงค่ะ ยิ่งอากาศเย็น ๆ แบบนี้ด้วย ไม่อยากขยับไปไหนเลย" หนอตอบไป
เธอคนนั้นจัดว่าอัธยาศัยดีแบบผิดที่ผิดทางทีเดียว จะเป็นเพราะเธอดื่มกาแฟมามากเกินไปหรือเปล่านะ ลักษณะเธอคล้าย ๆ คนที่ได้รับคาเฟอีนเกินขนาดยังไงไม่รู้สิ เอาเป็นว่าตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา หนอไม่เคยเจอพนักงานในอาชีพบริการในลอนดอนที่ดูกระตือรือร้นขนาดนี้
ระหว่างที่เธอชวนคุยสัพเพเหระ หนอสังเกตว่ามีเสียงหนุ่ม ๆ กลุ่มหนึ่งที่ยืนถัดไปทางประตูโรงด้านในดังขึ้นมาเป็นระยะ ๆ หนอไม่ได้หันไปดูว่าเป็นพนักงานที่นี่หรือเปล่า
แต่หลังจากนั้น ทุกจังหวะที่คุณผู้หญิงคนนี้เล่าอะไรให้หนอฟังแล้วทำมือทำไม้อลังการ จะมีเสียงหนุ่ม ๆ กลุ่มที่ว่านี้โห่ฮาขึ้นพร้อมกันไปด้วย แรก ๆ หนอคิดว่าเขาคงคุยกันเอง แต่พอเป็นอย่างนี้สัก 2-3 ครั้ง มันชักจะไม่ใช่แล้วไง นี่มันอารมณ์เดียวกับเด็กหลังห้องตะโกนแซวเด็กเนิร์ดแว่นหนาที่นั่งติดกระดานดำชัด ๆ
อย่างไรก็ตาม คุณคนที่คุยกับหนอนี่ไม่ได้สะดุ้งสะเทือนอะไรกับเสียงโห่ฮานั้น ทำให้หนอไม่แน่ใจว่าเธอเป็นเหยื่อของการโดน Abuse ในที่ทำงานหรือเปล่า และถ้าหนอหันไปปรามหรือทำอะไรสักอย่างกับเด็กหนุ่มพวกนั้น เมื่อหนอเดินออกไปแล้ว เธอจะโดนล้อเลียนหนักขึ้นหรือไม่
ทั้งหมดนี้อาจจะเป็นเส้นเรื่องที่หนอคิดไปเอง หรืออาจจะเกิดขึ้นจริงก็ได้ แต่มันก็ทำให้หนอมาคิดต่อว่าเรื่องน่าหดหู่แบบนี้มันเกิดขึ้นทุกทีจริง ๆ มันเกิดขึ้นในโรงเรียนกับเด็กเนิร์ด ๆ หรือเด็กที่แตกต่างจากคนอื่น มันเกิดขึ้นในมหาวิทยาลัย มันเกิดขึ้นในที่ทำงาน
ทั้งที่คนที่โดนแซวโดนล้อก็ไม่ได้ทำอะไรที่น่าอายหรือผิดร้ายเลย แต่คนส่วนใหญ่ ณ ที่นั้น ๆ กลับเลือกที่จะ Bully คนคนเดียวหรือคนกลุ่มเล็กที่ไม่มีทางสู้ เพื่อให้ตัวเองดูเท่หรือมี Power ขึ้นมา
วันนั้นไม่มีหนังเรื่องที่หนออยากดูในรอบเวลาที่เหมาะ ๆ เลย น่าเสียดายมาก หนออยากจะอุดหนุนเธอคนนั้นมาก ๆ เพราะในวันที่เงียบเหงาอย่างนั้น เธอกลับอยากบริการลูกค้าอย่างเต็มที่ (ตรงกันข้ามกับโรงหนังที่อยู่ใกล้ ๆ กัน ที่ให้น้องคนสวยท่านหนึ่งนั่งเฝ้าตู้ขายตั๋วด้วยสีหน้าซังกะตาย ถามอะไรไปก็ตอบมาห้วน ๆ)
หนอได้แต่เดินออกมาจาก Empire ด้วยอารมณ์เซ็ง ๆ พร้อมกับหวังว่าวันหนึ่งจะได้กลับมาที่นี่อีก และหวังว่าเธอคนนั้นจะยังอยู่ที่เดิม "ไว้จะกลับมานะคะ" คือสิ่งที่หนอบอกเธอไป ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาอีกเมื่อไร หนอหันไปยิ้มกว้างให้เธอเป็นครั้งสุดท้าย หวังว่าการสนทนาที่หนอพยายามส่ง Energy กลับไปในระดับที่เธอส่งมาให้นั้น จะทำให้ 1 วันของเธอเป็นวันที่ดีได้
หนอหวังด้วยว่าชีวิตการทำงานโดยรวมของเธอจะไม่โหดร้ายเกินไปนัก และเธอจะสามารถหาความสุขจากแต่ละวันได้อย่างเต็มที่ เพราะสุดท้ายแล้ว คนแบบนี้นี่แหละที่จะทำให้คู่สนทนามีรอยยิ้มขึ้นมาได้ แม้จะไม่ใช่คนที่รู้จักกันเป็นการส่วนตัวก็ตาม คนแบบนี้นี่แหละที่นายจ้างควรเก็บรักษาไว้ให้ดี แม้สิ่งที่เขาทำจะเล็กน้อยจนไม่ส่งผลโดยตรงต่อรายรับของบริษัทก็ตาม
วันนั้นขณะเดินทางกลับโรงแรมหนอนึกถึงร้านสตาร์บัคส์สาขาหนึ่งที่เกาหลี ที่ตั้งอยู่หน้าหอพัก และทำให้หนอต้องแวะก่อนไปเรียนทุกวัน แล้วก็นึกถึงตัวเองตอนเรียนม.ปลายด้วย แปลกดีนะที่คนแปลกหน้าคนหนึ่งสามารถดึงความทรงจำอะไรไม่รู้มากมายออกมาจากซอกหลืบสมองเราได้ (ไว้วันหลังจะเล่าให้ฟังนะ ขอติดไว้ก่อน)
ขอให้คุณโชคดีนะคะ คุณผู้หญิงผมบลอนด์ที่โรงหนัง Empire
No comments:
Post a Comment