'รอให้เมฆก้อนนี้ผ่านไปก่อน'
คือสิ่งที่ช่างภาพพูดกับหนอ
เมื่อตอนพวกเราพยายามจะถ่ายสกู๊ป
ที่โฮสเทลชื่อดังแห่งหนึ่ง
วันนั้นแดดค่อนข้างแรง
แต่มีเมฆมาก
ทำให้แสงที่ส่องลงมาไม่ค่อยสวย
ขาดๆ เกินๆ
นั่งรออยู่สักพัก
ไม่กี่อึดใจ
เมฆก้อนที่ว่าก็ค่อยๆ พัดเลยไป
ทำให้ทำงานกันต่อได้ราบรื่นอีกครั้ง
หลายครั้งที่การทำงานเต็มที่
ไม่ส่งผลให้เกิดผลงานชิ้นโบว์แดง
หลายครั้งที่ความทุ่มเทกับความสัมพันธ์
ไม่ส่งผลให้คนสองคนไปด้วยกันได้
หลายครั้งที่บทสนทนา
ไม่ได้ช่วยให้เราเข้าใจกันมากขึ้น
หลายครั้งที่คนแปลกหน้า
กลายเป็นคนที่เราพร้อมจะเจอหน้ามากที่สุด
หลายปีมานี้
หนอเคยมีช่วงที่สับสน
หลายปีก่อนหน้านั้น
หนอเคยมีช่วงที่คาดหวัง
หลายปีที่เราได้เติบโตขึ้น
และลองมองย้อนกลับไป
เราจะพบสิ่งที่อยากแก้ไข
หรืออย่างน้อยก็หวังว่าจะไม่พลาดซ้ำสอง
ในชีวิตของคนเรา
มีก้อนเมฆผ่านเข้ามากี่ก้อนกันนะ
ทำไมชีวิตของบางคน
ถึงได้ตกอยู่ในความมืดครึ้มแทบจะตลอดเวลา
ทำไมแสงสว่างถึงไม่อยู่กับใครนาน
ทำไมฟ้าถึงไม่ปลอดโปร่ง
ทำไมงานถึงไม่ราบรื่น
ทำไมเราถึงไปด้วยกันไม่ได้
คำถามในชีวิตคนเราคงวนเวียนอยู่เท่านี้
คำถามที่ไม่มีคำตอบ
คำถามที่ไม่มีใครตอบ
คำถามที่รู้คำตอบไปก็ไม่มีประโยชน์
ชีวิตมันคงเป็นแบบนี้เสมอสินะ
ทำอะไรมาดีแค่ไหน
ถ้าองค์ประกอบแวดล้อมไม่ลงตัว
มันก็ออกมาไม่ดี
ไม่ได้อย่างที่หวังไว้
และการเติบโตขึ้นของคนคนหนึ่ง
ก็คงไม่ได้ต่างกับการถ่ายสกู๊ปครั้งนั้น
ที่ต้องมีเมฆบ้าง แดดบ้าง ลมบ้าง
แต่ทุกอย่างก็ต้องดำเนินไป
และการถ่ายภาพต่างๆ ในชีวิต
ก็คงไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้กล้องยังไง
ถ่ายภาพมุมไหน
หรือวางจุดสนใจไว้ที่อะไรเพียงอย่างเดียว
แต่ยังขึ้นอยู่กับว่า
จะอดทนกับการนั่งรอ
ให้เมฆก้อนนั้นผ่านไปได้
มากน้อยเท่าไรต่างหาก
No comments:
Post a Comment