December 29, 2013

คนที่ต้องอยู่ตรงนั้น

มันจะมีคนแบบนั้นอยู่
คนที่ถูกคาดหวัง
ให้อยู่ในที่หนึ่งๆ
ในช่วงเวลาหนึ่งๆ


หนอเป็นหนึ่งในคนจำพวกนั้น
คนที่ถูกคาดหวัง
ให้อยู่ในที่หนึ่งๆ
ในช่วงเวลาหนึ่งๆ


ไม่ใช่เพราะหนอเป็นหนอ
แต่เพราะหนอเป็นนักข่าว
เพราะข่าวสารไม่มีวันหยุด
วันหยุดของคนทำข่าวสารจึงไม่ปกติไปด้วย


ความจริงมันก็ไม่ใช่สิ่งที่หนักหนาหรอก
นักข่าวก็เป็นคน
และนักข่าวก็มีวันหยุด
เพียงแต่อาจจะไม่ตรงกับคนส่วนใหญ่


ทีนี้ในเวลาอย่างนี้
สิ้นปีอย่างนี้
เทศกาลอย่างนี้
หลายคนจึงคาดหวังการพบปะ


ขณะเดียวกับที่คาดหวังการพบปะ
จะในหมู่เพื่อนหรือสมาชิกครอบครัวก็ตาม
หนอเห็นหลายคนต่างวิพากษ์วิจารณ์ฟรีทีวี
ฟรีทีวีที่ไม่ยอมทำข่าวสถานการณ์การเมือง


ทุกคนดูคาดหวังให้ทุกช่องส่งนักข่าว
ลงในทุกๆ ที่ที่พวกเขาต้องการสอดส่อง
ต้องการรู้ความเคลื่อนไหว
ต้องการเปิดทีวีมาเจอข้อมูลใหม่ๆ


ในที่นี้นักข่าวก็จะเป็นคนแบบนั้น
คนที่ถูกคาดหวัง
ให้อยู่ในที่หนึ่งๆ
ในช่วงเวลาหนึ่งๆ


ในขณะที่ในฐานะเพื่อน
ในฐานะลูกสาว
ก็ถูกคาดหวังให้อยู่ในที่หนึ่งๆ
ในช่วงเวลาหนึ่งๆ ของเทศกาลนี้เช่นกัน


ช่วงเวลาแบบนี้
หนอแทบจะคิดว่า
หนอทำงานอยู่คนเดียวเสียอีก
กรุงเทพฯ ดูเงียบเหงา


ความจริงหนอก็ควรจะชินได้แล้ว
หนอเป็นคนกรุงที่ไม่เคยไปเที่ยวไหนเลย
โตมาในบ้านที่ไม่ชอบท่องเที่ยว
และก็ไม่เฉลิมฉลองอะไรเท่าไร


กรุงเทพฯ เงียบๆ เป็นที่ที่หนอสบายใจ
อยากไปที่ไหนก็ไป
ในความเงียบมีความสวยงามอยู่
ในความเหงาก็มีความสวยงามอยู่


วันก่อนหนอแวะไปร้านเค้กของเพื่อน
เพื่อนที่เรียนรัฐศาสตร์จุฬาฯ มาด้วยกัน
มีหน้าร้านเปิดอยู่แค่วันศุกร์-เสาร์
นอกนั้นรับออเดอร์ตามสั่ง


เพื่อนบอกว่างานช่วงเทศกาลหนักหน่อย
แต่ก็ทำเสร็จทุกออเดอร์แล้ว
เดี๋ยวปิดร้านสักพัก
วันปีใหม่ก็ต้องกลับมาทำงานต่อ


หนอนึกในใจว่า
เออนะ เพื่อนเราก็ทำงาน
ร้านเค้กแบบนี้หยุดนานไม่ได้
แถมปีใหม่ก็เป็นช่วงงานหนัก


ในที่นี้คนทำเค้กก็จะเป็นคนแบบนั้น
คนที่ถูกคาดหวัง
ให้อยู่ในที่หนึ่งๆ
ในช่วงเวลาหนึ่งๆ


อย่างที่หนอไปที่ร้าน
หนอก็คาดหวังว่าจะได้กินเค้ก
เพื่อนควรต้องอยู่ที่ร้าน
และเค้กก็ควรมีอยู่ในร้าน


ทีนี้หนอก็กลายมาเป็นคนคาดหวังแล้วสินะ
ใครคนหนึ่งต้องอยู่ในที่หนึ่งในช่วงเวลาหนึ่ง
เพื่อหนอ
เพื่อคนที่ต้องการ


หนอไปร้านกาแฟ
เพื่อไปกินอาหารเช้า
เออนะ ร้านก็เปิดปกติ
และทุกอย่างก็เป็นเหมือนเดิม


ในที่นี้คนชงกาแฟก็จะเป็นคนแบบนั้น
คนที่ถูกคาดหวัง
ให้อยู่ในที่หนึ่งๆ
ในช่วงเวลาหนึ่งๆ


วันนี้หนอฉลองบรรยากาศห้วงสุดท้ายของปี
ด้วยการนอนตื่นโดยไม่มีนาฬิกาปลุก
ซึ่งไม่ได้ทำมา 4 เดือนได้แล้ว
ตั้งแต่มาเป็นนักข่าว


ไม่ใช่ว่างานรัดตัวขนาดนั้น
แต่การที่ทำงานสัปดาห์ละ 5-6 วัน
ทำให้ธุระที่ต้องจัดการมากองรวมกันอยู่
และต้องสะสางเอาในวันที่ได้หยุด


ทุกสุดสัปดาห์หนอเลยหมดไป
กับการสะสางเรื่องจุกจิกเหล่านี้
รวมทั้งกดสิว ทำเลเซอร์ แว็กซ์คิ้ว ทำเล็บ
และอื่นๆ ที่นับเป็นการ ดูแลตัวเอง เบื้องต้นด้วย


เช้านี้หนอตื่นมาตอน 10 โมง
นานแล้วที่ไม่ได้ตื่นเวลานี้
หนอพลิกตัวไปมากับที่นอน
เหมือนกับว่าจะไม่ได้มีโมเมนต์นี้อีกแล้ว


ซึ่งก็คงไม่มีอีกแล้วจริงๆ หนอคิดเล่นๆ ในใจ
ว่าการละเลียดไออุ่นบนที่นอน จนสายจนบ่าย
เป็นสิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นกับหนอปีละสัก 2 ครั้ง
และหนอก็ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการมากกว่านั้นหรือเปล่า


หนอตัดสินใจใช้วันที่ไร้ค่านี้
เพื่อออกไปซื้ออาหารมาให้พ่อ
เป็นร้านอาหารเหนือ
ในห้างที่พ่อจะไม่ได้ไปเองแน่นอน


ไม่รู้ว่านานเท่าไรแล้ว
ที่หนอตื่นมา
แล้วไม่ได้ทำเพื่อคนอื่น
ในที่นี้หมายถึงคนอื่นในครอบครัว


วันหยุดมันคงมีไว้เพื่อการนี้สินะ
ให้หยุดงาน ให้หยุดใช้นาฬิกาปลุก
ให้หยุดคิด ให้หยุดทบทวน
ให้วันวันหนึ่งของเรามันช้าลง


อย่างน้อยก็วันนี้
แล้วพรุ่งนี้ก็เริ่มใหม่
ทำงานใหม่
ทำสิ่งที่เรารักใหม่


หนอไปถึงร้านอาหารเหนือ
ตอนเกือบ 4 โมง
รีบซื้ออาหาร
แล้วก็กลับบ้าน


ในที่นี้คนทำอาหารเหนือก็จะเป็นคนแบบนั้น
คนที่ถูกคาดหวัง
ให้อยู่ในที่หนึ่งๆ
ในช่วงเวลาหนึ่งๆ


หนอไม่ได้ทำงานช่วงปีใหม่อยู่คนเดียวนี่นะ
ยังมีคนทำเค้ก
คนชงกาแฟ
คนทำอาหาร


หนอคิดเล่นๆ ตลอดทางกลับบ้าน
นี่เราถูกคาดหวังอะไรจากใครบ้าง
และเคยได้คาดหวังอะไรกับใครไว้บ้าง
แล้วก็ยังไม่พบคำตอบที่แน่ชัด


ตอนนี้หนอคิดแต่ว่า
พรุ่งนี้รายการข่าวยังมีปกติ
และหนอต้องตื่นไปทำข่าวเช้าเป็นปกติ
แล้วก็ควรเข้านอนได้เสียที


ราตรีสวัสดิ์ค่ะ

December 26, 2013

บ่นหนัง "47 โรนิน"


ก่อนอื่นต้องบอกว่า
หนอเคยอ่านตำนาน 47 โรนินมาก่อน
เพราะฉะนั้น
การตัดสินใจดูหนังเรื่องนี้
จึงเป็นมากกว่าการไปดูเพียงเพราะ
มันน่าดู หรือ พระเอกหล่อ
หรืออะไรก็แล้วแต่
หนอแค่รู้สึกว่า
สำหรับคนที่(พอจะ)ชอบวิถีซามูไร...
ญี่ปุ่นศึกษา...
หรือหนังพีเรียดอยู่บ้างนี่ เรื่องนี้ควรไปดู
ไปดูว่ามันจะจบยังไง


ด้วยความที่ตัวหนังโปรยมาตั้งแต่เทรลเลอร์แล้วว่า
เป็นหนังแฟนตาซี ก็เอาวะ แฟนตาซีก็แฟนตาซี
แถมยังมีมังกงมังกรอะไรอีกพรึ่บ
ก็เลยทำใจไว้ระดับหนึ่งแล้วว่า
ไม่ควรต้องมาคาดหวังตำนงตำนานอะไร
มีก็แต่พยายามเดาว่า
มันจะอธิบายถึงการมีอยู่ของพระเอกยังไง
เพราะอีฝรั่งหน้าอย่างงี้ ญี่ปุ่นสมัยนั้นไม่มีแน่ๆ
และโรนินทั้ง 47 คน ก็ไม่ได้สู้กับแม่มด
ทีนี้หนังมันจะออกมาเป็นยังไงกันล่ะนี่


เนื้อเรื่องเปิดมาด้วยความสวยงามของป่าเขา
ให้ความรู้สึกหนังพีเรียดฝรั่งมากกว่าหนังพีเรียดญี่ปุ่น
อะ โอเค ดูต่อไป... เป็นฉากล่าสัตว์ ซึ่งก็ไม่ได้แปลก
พอถึงตรงที่บอกว่า ล่ากิเลน ก็เริ่มเอะใจแล้วว่ามันอะไรกัน
ว่าแล้วงานกิเลนก็มาจริงๆ
กิเลน 8 ตาด้วย ตัวอะไรของมันวะ
วอล์กกิ้ง วิธ เดอะ ไดโนซอร์
ไม่เป็นไร แฟนตาซี ดูต่อไป...
สังเกตคอสตูม เอ... ก็ดูไม่ใช่นะ
คือความสวยงามแบบญี่ปุ่นมันหายไปน่ะ
คอสตูม + โลเกชั่น มันดูเกาหลี + นิวซีแลนด์
และมันดูเป็นหนังเรื่องฮีโร่ + ลอร์ด ออฟ เดอะ ริง
ไม่เป็นไร พีเรียดประยุกต์ ดูต่อไป...


หลังจากดูไปสักพัก ก็เริ่มจับทางได้
เลยเข้าใจว่าทีมผู้สร้างต้องการที่จะ
ซื่อตรงต่อตำนาน พอสมควร
เพราะตรงไหนที่สามารถเชื่อมกับตำนานได้
ก็จะนำเสนอตามที่ตำนานว่าไว้ทั้งหมด
ซึ่งปัญหาก็อยู่ตรงนี้
อยู่ที่การเอาตำนานมาเขียนขึ้นใหม่
รอบๆ สิ่งที่ผู้กำกับอยากเห็น
เช่น
ผู้กำกับอยากเห็นพระเอกคนนี้
อยากเห็นมังกร
อยากเห็นทุ่งหญ้า
อยากเห็นปีศาจ
ซึ่งทั้งหมดนี้ตำนานไม่มี ญี่ปุ่นโบราณไม่มี
ก็เลยเอาตำนานมาสวมใส่ไอ้ทั้งหมดที่ตั้งธงไว้นี้
ออกมาเป็นหนัง 47 โรนิน


การพูดภาษาอังกฤษกระท่อนกระแท่นของตัวละคร
ไม่ได้ขัดกับความรู้สึกหนอมากนัก
ถึงจะทำให้หลายอย่างดูไม่ smooth ก็ตาม
แต่สิ่งที่ขัดกับความรู้สึกจริงๆ กลับเป็นการแสดงออก
ที่ดูเป็น ฝรั่ง เกินญี่ปุ่นทั่วไป
ทั้งการแสดงอารมณ์อย่างชัดเจน
โดยเฉพาะการแสดงอารมณ์ของผู้หญิง
ซึ่งในสังคมญี่ปุ่นจะมีบทบาทน้อยมาก
เช่น
การที่แม่วิ่งออกมาจากริมถนน
เพื่อกอดลูกชาย แล้วพอนึกขึ้นได้
ก็กลับไปนั่งที่เดิม
หรืออะไรอื่นๆ อีก
ที่ดูลักลั่นประมาณนั้น


เอ้า ไม่เป็นไร ดูต่อไป...
หนังฮอลลีวู้ด...
ถ้าไม่ตรง ก็ขอให้เนียน
ก็ให้หลอก(กู)คนดูไปได้ ก็พอแล้ว
ปรากฏว่า ในช่วงท้ายๆ
ในฉากลงชื่อก่อนบุกรังโจร(ผู้ร้ายในเรื่อง)
ความไม่เนียนก็บังเกิด
เมื่อพระเอกที่ถนัดซ้าย
กลับประทับนิ้วลงชื่อด้วยมือขวา
อะ... ดูไม่แปลกใช่มั้ยล่ะ
แต่มันแปลกถ้าเป็นหนังซามูไร


ซามูไรถนัดขวาทั่วไปจะเหน็บดาบไว้ด้านซ้าย
ถือดาบด้วยมือซ้าย
และจับด้ามดาบด้วยมือขวา
ในการเอานิ้วหัวแม่โป้งตัวเองกดลงบทคมดาบ
เพื่อใช้เลือดแทนหมึก
ทุกอย่างจะเกิดขึ้นตรงสะโพกด้านซ้าย ถูกมั้ย
อะ แล้วยังไง
คีอานู รีฟ ถนัดซ้ายจ้ะ
ถือดาบด้านขวา
และตอนจับพู่กันลงชื่อ
ก็จับด้วยมือซ้าย
แล้วภาพก็ตัดมาที่จังหวะประทับนิ้ว
ยังไงจ๊ะยังไง
เป็นมือซามูไรคนอื่นสิ
เป็นนิ้วโป้งขวากดลงบนดาบที่วางอยู่ด้านซ้าย
(อะไรของมื้งงงงงงงงงงงงงงง)
เล็กๆ น้อยๆ ยังพลาดนะนายจ๋า


แต่นอกนั้น ก็ต้องชื่นชมว่าผู้สร้างพยายามมาก
พยายามที่สุดแล้ว
แต่ก็นะ... ก็ยังไม่น่าจนจำ
ดูเป็นหนังฝรั่งได้เพลินๆ
แต่ถ้าไม่ดูก็ไม่ได้พลาดอะไรไป


ปล ตามตำนานแล้วโออิชิ ชิกะระ ไม่ตายจริง
ซึ่งก็รู้แล้วว่าต้องจบอย่างนั้น


ปลล ซับไตเติลที่เรียก black lake ว่า บึงกาฬ นี่ตลกไปนะ