เมื่อวันก่อนหนอไปงานเปิดตัวหนังสือ "สุนทรภู่ไม่ได้เป่าปี่ พระอภัยมณีไม่ใช่คนระยอง" ของ "ครูทอม คำไทย" ที่งาน a book fair 2016 มาล่ะ แต่วันนี้ไม่ได้จะมาเชิญชวนให้ซื้อหนังสือนะคะ แค่จะมาเล่าให้ฟังว่าการไปร่วมงานครั้งนี้ทำให้ได้อะไรกลับมาคิดเยอะเลย
ครูทอม หรือ "อีครู" (เวลาที่หนอเรียกนางเป็นบุรุษที่ 3 เมื่อคุยกับคนอื่น) เป็นคนมีเพื่อนเยอะ และนิสัยหนึ่งของมันคือมักจะลากเพื่อนไปเจอเพื่อน คือไม่ว่าจะงานไหนเพื่อนมันจากหลากหลายกลุ่มแม่งจะสนิทกันไปเองน่ะ คือสุดท้ายไม่ต้องมีมันก็ได้ 555
งานเปิดตัวหนังสือครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เพื่อน ๆ ครูทอมมารวมตัวเพื่อให้กำลังใจ และก็คงถือได้ว่าประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง เพราะเสียงกรี๊ดของหน้าม้าอย่างพวกเรานี่ดังแบบไม่เกรงใจคนจัดงานเลยทีเดียว ประเด็นคือ... พวกเราแต่ละคนไม่ได้นัดกัน แต่มาเพราะครูทอมชวนมา (แบบตัวต่อตัว) ทั้งนั้น
มันน่าประหลาดใจดีนะที่ทุกคนมาเจอกัน ยกมือไหว้สวัสดีทักทายกัน พูดคุยสนิมสนม โดยที่ความจริงแล้วเส้นทางชีวิตไม่ได้คาบเกี่ยวกันเท่าไร สำหรับน้อง ๆ คนอื่นหนอคงพูดแทนไม่ได้ เพราะบางคนทำงานด้วยกันมา บางคนแข่งแฟนพันธุ์แท้มา แต่หนอคือไม่ได้อยู่ในกลุ่มนี้เลย รู้จักทุกคนเพราะ "อีครู" ล้วน ๆ เริ่มจากการไปงาน ไปดูหนังรอบสื่อ ไปช่วยงานระดมทุน แล้วครูทอมก็หยิบคนนั้นคนนี้มาแนะนำตัวใส่ จนมาวันนี้ ที่ทุกคนมางานนี้ แล้วก็เข้ามาทักทายกันเอง พูดคุยกัน กรี๊ดกร๊าดครูทอมกัน ทำให้หนอกลับบ้านมานึกว่า นี่นานเท่าไรแล้ววะ ที่รู้จักครูทอมมา และมีกี่คนแล้วที่กลายเป็นเพื่อนเป็นพี่น้องที่สนิทสนมชอบพอนิสัยกันเพราะครูทอมเป็นคนแนะนำ นี่เป็นคุณสมบัติที่สำคัญมาก ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมี
สำหรับหนอ ซึ่งเป็น introvert มาตลอดชีวิต การเข้าสังคมและ "เจ๊าะแจ๊ะ" ไม่ใช่สิ่งที่ทำได้โดยธรรมชาติ (อาศัยการฝึกฝนมากพอสมควร ที่ทำให้ flow หน่อยก็คงเป็นอาชีพนักข่าว) แต่ครูทอมก็ทำให้การเจอคนใหม่ ๆ เป็นเรื่องง่ายเสมอ เพราะฉะนั้น มันไม่ใช่แค่คนที่ลากคนอื่น ๆ มาเจอกันเท่านั้น แต่มันจะ make sure ว่าแต่ละคนจะต่อบทสนทนากันไปได้โดยไม่มีมันด้วย และเพราะมันนึกถึงความรู้สึกคนอื่นอย่างนี้นี่เอง ที่พอมันมีงานแล้วคนอื่น ๆ ถึงได้นึกถึงความรู้สึกมัน แล้วออกมาสนับสนุนกันมากขนาดนี้
ไม่ได้จะอวยอะไรมากหรอก
แวะมาบอกแค่นี้แหละ
----------
"สุนทรภู่ไม่ได้เป่าปี่ พระอภัยมณีไม่ใช่คนระยอง"
มีวางขายแล้วตามร้านหนังสือทั่วไป