December 31, 2014

ทิ้งไว้ตรงนี้

หนอใช้เวลาทั้งเดือนในการคิดว่าจะเขียนอะไรใน Blog นี้
ไม่สิ 'เขียนอะไร' ไม่ยากเท่าตัดสินใจว่า 'เขียนดีไหม'
แล้วการเขียนออกไป จะทำให้เกิดอะไรขึ้นตามมา

เพราะตลอดเดือน หรือแม้แต่ 3-4 เดือนที่ผ่านมา
ชีวิตหนอเจอแต่ประสบการณ์ขึ้นๆ ลงๆ
เจอสิ่งที่ไม่พอใจจนอยากระบายออกมาก็มาก

แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ไม่ระบายออกมาก็คือ...
หนอยังไม่ได้ข้อสรุปว่าอะไรควรเป็นอย่างไร
และการบ่นลอยๆ ก็ดูจะไม่มีประโยชน์ต่อใครเลย

หนอคิดว่ามันไม่สนุกหรอก
ที่ต้องให้ใครมานั่งอ่านดราม่าในชีวิต
ดราม่าในที่ทำงาน

ความชั่วร้ายของดวงชะตา
ความชั่วร้ายของระบบการทำงาน
หรือแม้แต่ความชั่วร้ายของคนรอบตัว

ความจริงคือ...
ดวงชะตาแย่ๆ ของหนอ
อาจไม่ได้แย่ในสายตาคนอื่น

ระบบแย่ๆ ของหนอ
อาจไม่ได้แย่ในสายตาคนอื่น

และเพื่อนร่วมงานแย่ๆ ของหนอ
ก็อาจไม่ได้แย่ในสายตาคนอื่นด้วยเช่นกัน

เพราะฉะนั้น ก็ไม่มีประโยชน์อะไร
ที่จะมานั่งเล่าเรื่องที่ไม่ชวนอ่าน
จริงไหมคะ

ความอึดอัดทั้งหมด
ไม่เคยถูกระบายผ่านทาง Blog นี้
และการไม่ระบายนี้เองก็เป็นที่มาของ Blog วันนี้

วันนี้เป็นวันสุดท้ายของปีแล้วนะคะ
ท่านผู้อ่านได้ทำอะไรเพื่อตัวเองกันบ้างหรือยัง
และมีความคาดหวังอะไรกับชีวิตในวันพรุ่งนี้บ้าง

สิ่งที่หนอได้เรียนรู้มาตลอดทั้งเดือนนี้ก็คือ
ชีวิตเรามีเรื่องให้ทำมากกว่าการไม่พอใจ
มากกว่าการมานั่งบ่นในสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ค่ะ

แน่นอนว่าปัญหามันไม่ได้หายไป
เราแค่ต้องมองปัญหาจากมุมมองที่ต่างออกไปเท่านั้น
ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย

ในชีวิตเรา มันจะมีคนแบบนั้นอยู่...
คนที่เราไม่พึงใจ ที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่ก็ต้องมาพบ มาเกี่ยวข้องกัน

หลายครั้งที่หนอคิด
ว่าคนพวกนี้จะต้องชดใช้สินะ
การทำอะไรแย่ๆ ก็ต้องได้อะไรแย่ๆ ในที่สุด

และตลอดเวลาที่คิดแบบนั้น
หนอก็ไม่มีเวลาไปทำอะไรดีๆ เพื่อตัวเองเลย
มันคุ้มกันไหมนะ... แล้วมันเพื่ออะไรกัน

เมื่อสองวันก่อนพ่อหนอเล่าให้ฟัง
ว่าเพื่อนสมัยมัธยมของพ่อเพิ่งเสียชีวิต
ซึ่งก็เป็นสิ่งที่หนอฟังแล้วไม่ได้ประหลาดใจนัก

คนเราพออายุมาก ก็เริ่มเป็นโรค
ก็เริ่มเสี่ยงที่จะเสียชีวิตกะทันหัน
ก็เริ่มเสี่ยงที่จะทำให้เพื่อนๆ ใจหายเสมอ

แต่แล้วพ่อก็เล่าว่าลุงคนนี้เป็นทนาย
แล้ววันหนึ่งเขาก็บ้า จนโดนยึดใบว่าความ
เพื่อนๆ จึงพยายามเรี่ยไร่เงินให้รักษาตัว

แต่แน่นอนว่า... มันไม่ทันแล้ว
ไม่กี่วันถัดจากวันที่เพื่อนๆ ของลุงทราบข่าวอาการป่วย
ลุงก็ได้เสียชีวิตลง

หนอไม่รู้จักคุณลุงคนที่ว่านี้เลย
แต่เรื่องราวไม่กี่ประโยคของลุง
ทำให้หนอคิดอะไรบางอย่างได้

เรื่องแบบนี้มันเกิดกับใครก็ได้นะ
กับคนรู้จัก กับเพื่อนร่วมงาน
หรือแม้แต่คนในครอบครัวเอง

มันมีอะไรบ้างไหม
ที่จะทำให้ช่วงเวลาก่อนที่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น...
'มีค่าที่สุด'

ก่อนที่เราจะหลงลืม
ก่อนที่เราจะฟั่นเฟือน
ก่อนที่เราจะตายจาก

มันมีอะไรอีกไหมที่เราควรทำเพื่อตัวเอง
เพื่อคนที่รัก
เพื่อสังคม

หนอยังไม่ได้คำตอบหรอกนะ
มันแค่เป็นคำถามที่วนเวียนอยู่ในหัวหนอ
ตลอดสองสามวันมานี้

สรุปแล้วขึ้นปีใหม่เราควรเปลี่ยนอะไรแน่
เราควรแก้ปัญหาที่ไม่มีทางแก้ได้
หรือเราควรเปลี่ยนตัวเองเพื่อรับมือกับปัญหาในวิธีที่ต่างออกไป

วันนี้หนอออกไปวัดหัวลำโพงมาค่ะ
ไปทำบุญบริจาคโลงศพ
คนแน่นเหมือน (ช่วงปีใหม่) ทุกปี

บริจาคเสร็จแล้วก็เอาชื่อไปติดที่โลง
จุดธูป ไหว้ 8 กระถาง เผาใบเสร็จ
ตามปกติ

แต่แล้วมันมีแวบนึง
ที่หนออโหสิกรรมให้คนเหล่านั้น
และขอให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น

เพราะวันสิ้นปีไม่ได้หมายถึงวันสิ้นสุดของอะไรเลย
แต่เป็นวันที่เราควรเลือกว่าจะทิ้งอะไรไว้ตรงนี้บ้าง
และเลือกว่าจะเข้าสู่ปีใหม่ด้วย 'สัมภาระ' อะไรบ้าง

ขอให้คนที่ทำร้ายเราอย่าไปทำร้ายคนอื่น
ขอให้ลุงทนายคนนั้นไปสู่สุคติ
ขอให้ทุกคนเริ่มต้นชีวิตในปีใหม่อย่างสวยงาม

สวัสดีปีใหม่ค่ะ